![รมว.วธ. ขอบคุณจุฬาราชมนตรีออกมาตรการตามหลักศาสนาอิสลามป้องกันโควิด-๑๙ เน้นปฏิบัติปลอดภัย-ถูกต้องตามประกาศสาธารณสุข]()
กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--สํานักงานปลัด
กระทรวงวัฒนธรรม
นาย
อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า ตนได้นำคณะผู้บริหาร
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เข้าเยี่ยมคารวะนายอาศิส พิทักษ์คุมพล
จุฬาราชมนตรี เพื่อขอบคุณ
จุฬาราชมนตรี ในนามรัฐบาลที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการออกมาตรการที่เป็นไปตามหลักการ
ศาสนาอิสลามในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID 19) นอกจากนี้ยังได้หารือเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนชาวมุสลิมต้องปฏิบัติศาสนกิจการถือศีลอดและทำกิจกรรมต่างๆ โดยจะมีการรวมตัวของประชาชนชาวมุสลิมจำนวนมากในมัสยิด เคหสถาน หรือสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนัก
จุฬาราชมนตรีได้ออกประกาศ
จุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ว่าด้วย การปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๔๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓) เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติศาสนกิจของประชาชนชาวมุสลิม อาทิ งดการจัดเลี้ยงอาหารละศีลอดที่มัสยิด เคหสถาน หรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ สามารถจัดทำอาหารที่บ้านแล้วแจกจ่ายให้แก่เพื่อนบ้านและญาติแทนการจัดเลี้ยง งดถ่มน้ำลายในสถานที่สาธารณะโดยเด็ดขาด การถือศีลอดเดือนรอมฎอนให้ถือปฏิบัติตามที่ศาสนากำหนด เป็นต้น
นายอิทธิพล กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมสำนัก
จุฬาราชมนตรีได้รายงานว่า คณะกรรมการอิสลามประจำ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อนำข้อเสนอขอผ่อนปรนข้อปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวในบางเรื่อง ซึ่งสำนัก
จุฬาราชมนตรีได้พิจารณาแล้วว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในปัจจุบันของ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ปลอดภัย รวมทั้งต้องเป็นไปตามประกาศของกระทรวง
สาธารณสุข โดยเฉพาะปัญหาแรงงานไทยในประเทศมาเลเซียที่เดินทางเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ทำให้ไม่มีการตรวจคัดกรองเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค ทั้งนี้ เบื้องต้นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้รับข้อร้องเรียนในแต่ละพื้นที่เพื่อนำเสนอต่อสำนัก
จุฬาราชมนตรีพิจารณาความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนตามมาตรการดังกล่าวหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) บรรเทาลงในอนาคต โดยจะต้องมีการจัดระเบียบการประกอบศาสนกิจให้มีความปลอดภัยควบคู่ไปกับประกาศของรัฐบาลและมาตรการของกระทรวง
สาธารณสุข