กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--แมสคอท คอมมิวนิเคชั่น
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563 มูลนิธิเวชดุสิตฯ นำโดย นางนฤมล น้อยอ่ำ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายศรีภพ สารสาส กรรมการและรศ.อัจจิมา เศรษฐบุตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเวชดุสิตฯ มอบหน้ากากผ้าสำหรับเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 13,000 ชิ้นแด่นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำไปมอบให้แก่เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้พิการที่ขาดแคลนในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
รศ.อัจจิมา เศรษฐบุตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเวชดุสิต
ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า มูลนิธิเวชดุสิตฯเป็นมูลนิธิฯของ บริษัท
กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS
ที่ผ่านมามูลนิธิเวชดุสิตฯ ได้จัดตั้งโครงการช่วยเหลือเด็ก ผู้ใหญ่
และผู้พิการที่ยากไร้และด้อยโอกาสตามชุมชนต่างๆทั่วประเทศไทยเป็นประจำทุกปีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก
มูลนิธิเวชดุสิตฯตระหนักถึงมาตรการที่ได้ผลในการช่วยชะลอการแพร่ระบาด คือ
การสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อและเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ปัจจุบันประเทศไทยประสพปัญหาเรื่องขาดแคลนหน้ากากอนามัย
หน้ากากผ้าจึงเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ป่วย ใช้เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการสัมผัสละอองฝอยจากการพูดคุยไอ
หรือจาม
มูลนิธิเวชดุสิตฯ จึงจัดโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้
สู้ภัยโควิด –19 ผลิตหน้ากากผ้าสำหรับเด็กเพื่อแจกให้แก่เด็กที่ยากไร้และขาดแคลน
เป็นจำนวน12,000 ชิ้น และได้ส่งมอบหน้ากากผ้าผู้ใหญ่
อีกเป็นจำนวน 1,000 ชิ้น รวมทั้งสิ้น 13,000 ชิ้น การผลิตหน้ากากผ้าในครั้งนี้ มูลนิธิเวชดุสิตฯ ได้ให้ความสำคัญในทุกกระบวนการผลิต
ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าหน้ากากผ้าสำหรับเด็กนี้ จะไม่ระคายเคืองต่อผิวเด็กที่บอบบาง
อีกทั้งยังมีรูปแบบสีสัน ลวดลายที่น่ารักสดใส จูงใจให้เด็กๆได้ใส่
เพื่อช่วยป้องกันและลดอัตราเสี่ยงจากการสัมผัสกับเชื้อโรค ผลิตทั้งไซส์ S และ M ซึ่งเหมาะกับเด็กอายุ 2 - 4 ปี และ 5 – 7 ปี อีกทั้งยังสามารถซักและนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกหลายครั้ง วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่มูลนิธิเวชดุสิตฯ
ได้ส่งมอบหน้ากากผ้า แก่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เพื่อนำไปมอบให้แก่เด็กผู้ใหญ่
และผู้พิการที่ขาดแคลนต่อไป