กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมากหลงใหลอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็ม เช่น ขนมกรุปกรอบที่มากับรสชาติแปลกใหม่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากรส น้ำซุปและน้ำจิ้มเข้มข้นในเมนูชาบูและหมูกระทะ พฤติกรรมการบริโภคอาหารรสเค็มในชีวิตประจำวันจะส่งผลทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา
รสเค็มในอาหารมาจากเกลือ หรือที่เรียกว่า “โซเดียม” ซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกายและความดันโลหิต ในหนึ่งวัน ร่างกายของคนเราต้องการโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับน้ำปลา 2 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชาเท่านั้น แต่ปัจจุบันพบว่าคนไทยบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็นต่อร่างกายถึง 2 เท่า
รศ.นพ.ณัฐชัย ศรีสวัสดิ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า “โซเดียมมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ในปัจจุบันมีแนวโน้มการบริโภคโซเดียมมากเกินไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจมาจากความชอบกินอาหารเค็ม หรือจากความไม่รู้ว่าอาหารประเภทนั้นๆ มีโซเดียมแฝงอยู่ การกินเค็มมากเกินไปเป็นระยะเวลานานส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่กรองของเสียและน้ำออกนอกร่างกาย ดังนั้นเมื่อมีโซเดียมในร่างกายสูง ไตก็จะทำงานหนัก และเสื่อมเร็วขึ้น จากสถิติที่ผ่านมาคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังถึง 17.5% หรือประมาณ 8 ล้านคนต่อประชากรของประเทศ และประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยฟอกไตสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ส่งผลให้ต้องสูญเสียเงินไปกับผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตระยะสุดท้ายประมาณ 8.5 พันล้านบาทต่อปี
“ขอให้เราตระหนักถึงโทษในการบริโภคโซเดียมที่เกินความจำเป็นอยู่เสมอ หากไม่อยากป่วยด้วยโรคที่มากับความเค็ม สิ่งที่ดีที่สุดคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมติดเค็มของเรา” รศ.นพ.ณัฐชัย กล่าวแนะนำ
การทานเค็มก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ดังนี้
ความดันโลหิตสูงขึ้นการดำเนินของโรคไตเรื้อรังเร็วมากขึ้นโรคหัวใจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
วิธีเลี่ยงโซเดียมเกินจำเป็น
ปรุงอาหารกินเองที่บ้านหลีกเลี่ยงการกินน้ำซุป หรือกินน้อยลง เพราะน้ำซุปมีปริมาณโซเดียมสูงมากจากเครื่องปรุงรสหรือซุปก้อนหลีกเลียงการกินอาหารรสจัดด้วยการหันมากินอาหารรสจืดแทนชิมก่อนปรุง และไม่เพิ่มรสชาติอาหารด้วยการเติมเครื่องปรุงรสทุกอย่าง รวมถึงน้ำจิ้ม หรือซอสต่างๆลดการกินอาหารแปรรูป เพราะในอาหารประเภทนี้มีปริมาณโซเดียมเพิ่มขึ้นหลายเท่าเพื่อยืดอายุในการเก็บรักษาอาหารอ่านสลากโภชนาการทุกครั้ง เพื่อดูปริมาณโซเดียมของอาหารในแต่ละประเภท