นักศึกษาธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2020” คิดค้น การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง คิวบ์ ตอบโจทย์ความงามเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต

ข่าวทั่วไป Monday April 27, 2020 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ ลอรีอัล เดินหน้าการแข่งขันประชันไอเดียนวัตกรรมเพื่อธุรกิจ ผ่านช่องทางออนไลน์ห่างไกลโควิด-19 ทีม All In This toCAGR จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2020” ครั้งที่ 17 ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนเซ็ปต์ “การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง คิวบ์” ตอบโจทย์ “BUILD A PLASTIC-LESS FUTURE IN THE BEAUTY INDUSTRY” หรือ “สร้างสรรค์อุตสาหกรรมความงามเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต” ให้กับแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค เน้นการคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถช่วยลด หรือทดแทนการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมความงาม พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2020” ระดับโลก ลุ้นชิงรางวัลประสบการณ์การทำงานที่ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ประเทศฝรั่งเศส และเข้าร่วมการประชุม One Young World Summit สุดยอดผู้นำรุ่นใหม่ระดับโลก ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ทีม ALL in This toCAGR จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ชนะเลิศ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2020” ของประเทศไทย ประกอบด้วย นางสาวธนาภรณ์ สุขจิตต์นิตยกาล นางสาวสุดามาศ เก่งรุ่งเรืองชัย และนางสาวปทิตตา ตันชูเกียรติ นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4 เปิดเผยว่า “ผลงาน “การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง คิวบ์” เกิดขึ้นจากความสนใจในแบรนด์การ์นิเย่ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามแบบสุขภาพดีจากธรรมชาติ และมีความตั้งใจที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทีมคิดว่าเราควรต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงๆ ของแบรนด์อย่าง ผลิตภัณฑ์ การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง วอเตอร์ นี้ได้ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมในการบีบอัด การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง วอเตอร์ ให้อยู่ในรูปแบบก้อนลูกบาศก์หรือคิวบ์ ที่สามารถละลายในน้ำได้ โดยยังคงไว้ซึ่งความสะอาดต่อสภาพผิว ซึ่งหากนวัตกรรมได้ถูกพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จริง จะสามารถลดน้ำหนักของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ลดปริมาณการใช้น้ำในการผลิต และลดของเสียหรือขยะที่เกิดขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง คิวบ์ จะสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับการซื้อ การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง วอเตอร์ ขวดใหม่มาใช้ แผนการตลาดของเรายังรวมถึงการพัฒนาเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ แคมเปญส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่อยากมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม” “หลังจากที่ได้ทราบผลผู้ชนะ พวกเรารู้สึกตกใจและดีใจมากที่ชนะการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2020” การแข่งขันนี้ ทำให้พวกเราได้ก้าวข้ามกรอบความคิดแบบเดิมๆ และใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด รู้จักพัฒนาและต่อยอดความคิดในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน และมีส่วนช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลกนี้ได้จริงๆ ต้องขอขอบคุณบริษัทลอรีอัล ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ใช้เวลาคิดใหม่ทำใหม่ ว่าคนรุ่นใหม่อย่างเรา จะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกของเรา” ทีม ALL in This toCAGR กล่าว ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ลอรีอัล ประเทศไทย ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของผู้มีส่วนร่วมทุกคน จึงได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน ด้วยการจัดการแข่งขันรอบ “Innovation Fair” และการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมตัดสิน ประกอบไปด้วย คุณอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ และ คุณคริส ไดร์ฟเวอร์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด และ รศ.ดร. ดวงดาว อาจองค์ นักวิจัยสตรีผู้ได้รับทุนจากโครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” หรือ For Women in Science และรองศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาวัสดุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลการตัดสินการแข่งขันโครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2020” ประเทศไทย คือ รางวัลชนะเลิศ ทีม ALL in This toCAGR จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับรางวัลเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเป็นตัวแทนประเทศไทย แข่งขันกับตัวแทนจาก 65 ประเทศทั่วโลกทางออนไลน์ ในเดือนมิถุนายน 2563ทีม The T(h)ree Hugger จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลเงินสด 50,000 บาททีม Tricologist จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินสด 30,000 บาท นายธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขัน ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม เป็นโครงการสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบความท้าทาย และต้องการที่จะพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการนำโซลูชั่นใหม่ๆ มาตอบโจทย์ทางธุรกิจของแบรนด์สากลระดับโลก และสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ซึ่งตลอดการแข่งขันนักศึกษาจะได้พัฒนาทักษะ เช่น entrepreneurship, innovative thinking และ team work ล้วนเป็นทักษะสำคัญในการทำงานจริงและเป็นสิ่งที่บริษัทมองหา เห็นได้ชัดว่านักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันมีศักยภาพสูง และสามารถเติบโตไปกับลอรีอัลได้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 17 ปีตั้งแต่เริ่มโครงการ มีผู้เข้าแข่งขันกว่า 55 คน ได้เข้าทำงานในโครงการ Management Trainee (ผู้จัดการฝึกหัด) โดยตำแหน่งสูงสุดของอดีตผู้เข้าแข่งขัน ที่ทำงานกับลอรีอัล ประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้ คือ Brand General Manager (ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์) ลอรีอัลจึงให้ความสำคัญกับการแข่งขัน และผู้เข้าแข่งขันเป็นอย่างมาก” หลังจากนี้นักศึกษาทีมชนะเลิศ ALL in This toCAGR จะเดินหน้าพัฒนาผลงานและทักษะของตัวเองให้ครอบคลุมรอบด้านมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมเข้าร่วมแข่งขันต่อระดับโลก ในเดือนมิถุนายน 2563 กับตัวแทนจากอีกกว่า 65 ประเทศทั่วโลก เพื่อชิงรางวัลประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโอกาสในการเข้าร่วม การประชุมสุดยอดผู้นำรุ่นใหม่ระดับโลกอย่าง One Young World Summit ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหาสำคัญในด้านต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่โลกนี้ต่อไปอย่างยั่งยืน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ