![GIT เปิดโต๊ะหารือสมาคมธนาคารไทย เร่งช่วย SMEs อัญมณีและเครื่องประดับ มั่นใจธุรกิจฟื้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย]()
กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--สถาบันวิจัยและพัฒนา
อัญมณีและ
เครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน)
สถาบันวิจัยและพัฒนา
อัญมณีและ
เครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประชุมร่วมกับ
สมาคมธนาคารไทยเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ
อุตสาหกรรมอัญมณีและ
เครื่องประดับซึ่งส่วนมากเป็น
SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ soft loan ของ
ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะช่วยเพิ่มมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ในช่วงล็อคดาวน์ มั่นใจเมื่อสถานการณ์คลี่คลายธุรกิจจะสามารถกลับมาฟื้นได้รวดเร็ว พร้อมหารือแนวทางการนำ
อัญมณีมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคาร
ดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
อัญมณีและ
เครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อ
อุตสาหกรรมอัญมณีและ
เครื่องประดับทั่วโลก ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้า
อัญมณีและ
เครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำฯ) ลดลงจากมาตรการล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นตลาดหลักสำคัญ อย่าง จีน ฮ่องกง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ นอกจากนี้ การไม่มีนักท่องเที่ยวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าปลีก ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการใน
อุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน GIT ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อน
อุตสาหกรรมด้าน
อัญมณีและ
เครื่องประดับ ได้จัดประชุมร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
สมาคมธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ และหน่วยงานด้าน
อัญมณีและ
เครื่องประดับ เพื่อหารือแนวทางในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ และความช่วยเหลือด้านการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเสนอแนวทางในการนำ
“
อัญมณี” ซึ่งถือได้ว่า เป็น ทรัพย์สินที่มีมูลค่า มาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งการเข้าถึงสินเชื่อ SOFT LOAN อย่างเร่งด่วน หวังช่วยเหลือผู้ประกอบการ
อัญมณีและ
เครื่องประดับ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ
ทั้งนี้
อุตสาหกรรมอัญมณีและ
เครื่องประดับไทย ถือว่าเป็นสินค้าสำคัญที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศได้สูงเป็นอันดับ 2 เมื่อรวมกับมูลค่าการค้าภายในประเทศด้วยก่อให้เกิดเม็ดเงินถึงปีละเกือบ 1 ล้านล้านบาท มีผู้ประกอบการซึ่งส่วนมากเป็น
SMEs อยู่ถึง 11,800 ราย ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานกว่า1 ล้านคน ตลอดห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งประเทศไทยถือได้เป็นฐานการผลิตสินค้า
อัญมณีและ
เครื่องประดับ Luxury Brand ทั่วโลก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ปรับปรุงคุณภาพ
อัญมณี การออกแบบและผลิต
เครื่องประดับที่มีคุณภาพสูง จากช่างฝีมือแรงงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 40-50 ปี ทำให้
อุตสาหกรรม
อัญมณีและ
เครื่องประดับของไทย มีความเฉพาะตัว เลียนแบบยาก ที่ต่างชาติไม่สามารถทำได้ ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อรักษาฐานการผลิตให้อยู่ในประเทศ ทั้งนี้ มั่นใจว่าแบรนด์
เครื่องประดับไฮเอนด์ทั้งหลายก็จะกลับมามีการสั่งซื้ออย่างรวดเร็ว เมื่อสถานการณ์ล็อคดาวน์คลี่คลาย เพราะตลาดนี้มีความต้องการสินค้าในระดับที่สูง โดยจะเห็นว่า สามารถผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งในอดีต และยังสามารถเติบโตได้ดี
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา GIT ได้ประชุมร่วมกับ
สมาคมธนาคารไทยและตัวแทนภาคเอกชนใน
อุตสาหกรรมอัญมณีและ
เครื่องประดับ อาทิ สมาคมผู้ส่งออก
เครื่องประดับเงินไทย สมาคมผู้ค้า
อัญมณีและ
เครื่องประดับจันทบุรี โดยเบื้องต้น
สมาคมธนาคารไทยได้ชี้แจงว่าผู้ประกอบการ
อัญมณีและ
เครื่องประดับสามารถขอสินเชื่อ SOFT LOAN ที่เป็นสินเชื่อแก่ธุรกิจ
SMEs อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6?เดือนแรก โดยผู้ประกอบการต้องเป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารแต่ละแห่งไม่เกิน?500?ล้านบาท มีสถานะผ่อนชำระปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน (ยังไม่เป็น NPL) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยให้แจ้งความประสงค์ต่อธนาคารที่มีวงเงินสินเชื่ออยู่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน จากกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลลูกจ้างในช่วงที่หยุดกิจการชั่วคราว โดยสถานประกอบการที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะได้รับอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อปี คงที่ 3 ปี ส่วนสถานประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี คงที่ 3 ปี โดยจะต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องรักษาการจ้างงานผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ตลอดอายุโครงการ 3 ปี
ทั้งนี้ ยังมีการหารือเรื่องการนำสินค้า
อัญมณีและ
เครื่องประดับเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคาร โดยจะมีการประชุมร่วมกันกับสถาบันการเงินและหน่วยงานด้าน
อัญมณีและ
เครื่องประดับรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้าน
อัญมณีและ
เครื่องประดับต่อไป เพื่อหาแนวทางในการประเมินราคาอย่างเป็นธรรม และขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นการให้ความสนับสนุนด้านการเงินในระยะกลางและระยะยาวต่อไป