กรุงเทพฯ--5 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
4 พ.ค. 63 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานจากอิทธิพลบริเวณความกดอากาศสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับประเทศไทย มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และเกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ สุรินทร์ นครสวรรค์ ลพบุรี ฉะเชิงเทรา และสุราษฎร์ธานี รวม 12 อำเภอ 23 ตำบล 68 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2,572 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลบริเวณความกดอากาศสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และเกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ในช่วงวันที่ 29 เมษายน 2563 – ปัจจุบัน (4 พ.ค. 63) เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ สุรินทร์ นครสวรรค์ ลพบุรี ฉะเชิงเทรา และสุราษฎร์ธานี รวม 12 อำเภอ 23 ตำบล 68 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2,572 หลัง วัด 2 แห่ง เสาไฟฟ้า 10 ต้น ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป