![เลขาธิการ คปภ. เรียกประชุมภาคธุรกิจประกันวินาศภัยเข้ม ได้ข้อสรุปเพิ่ม 4 มาตรการ “คืน – ลด – เบี้ยประกันภัย และขยายระยะเวลาการคุ้มครอง”]()
กรุงเทพฯ--5 พ.ค.--คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย
ดร.
สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และรัฐบาลได้ออกมาตรการห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (
เคอร์ฟิว) เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคฯ สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและ ดร.อุตตม สาวนายนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ที่มีความห่วงใยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชนและลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ และ จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนมีการใช้รถน้อยลง ส่งผลให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี แม้ประชาชนจะมีการใช้รถน้อยลง หรือมีการหยุดใช้รถ ความเสี่ยงภัยก็ยังคงมีอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงได้ออกมาตรการด้านการ
ประกันภัย โดยที่ประชาชนหรือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบยังได้รับความคุ้มครองตามความเสี่ยงภัยที่มีอยู่ ดังนี้
มาตรการผ่อนผันในการเรียกเก็บเบี้ย
ประกันภัยสำหรับการ
ประกันภัยรถยนต์ โดยบริษัท
ประกันภัยสามารถผ่อนผันให้ผู้เอา
ประกันภัยผ่อนชำระเบี้ย
ประกันภัยได้ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่สัญญา
ประกันภัยมีผลบังคับ หรือวันที่สัญญา
ประกันภัยเริ่มต้นมีผลคุ้มครอง ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563มาตรการผ่อนผันเงื่อนไขและอัตราเบี้ย
ประกันภัยของกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ โดยอนุญาตให้บริษัท
ประกันภัยคิดอัตราเบี้ย
ประกันภัยเป็นแบบรายวัน รายเดือน หรือรายไตรมาส และใช้อัตราเบี้ย
ประกันภัยระยะสั้น รวมทั้งกำหนดทางเลือกให้บริษัท
ประกันภัยคิดเบี้ย
ประกันภัยแบบเฉลี่ยรายวันได้ ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เอา
ประกันภัยที่จะสามารถทำกรมธรรม์
ประกันภัยให้สอดคล้องกับการใช้รถ โดยผู้เอา
ประกันภัยอาจตกลงกับบริษัท
ประกันภัยจัดทำกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ระยะสั้น ปรับเปลี่ยนกรมธรรม์
ประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงภัย และเลือกชำระเบี้ย
ประกันภัยตามความสามารถ รวมถึงเลือกความคุ้มครองตามระยะเวลาที่ต้องการผู้เอา
ประกันภัย อาจตกลงกับบริษัท
ประกันภัย จัดทำกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ระยะยาว โดยมีระยะเวลาเอา
ประกันภัยเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี และใช้เบี้ย
ประกันภัยพื้นฐานเดียวกันตลอดระยะเวลาคุ้มครอง โดยปีที่ 2 และ ปีที่ 3 ใช้เบี้ยพื้นฐาน 95% และ 85% ของปีที่ 1 ตามลำดับ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ของผู้เอา
ประกันภัยที่ต้องการจัดทำกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ระยะยาวได้ และรับรู้ค่าเบี้ย
ประกันภัยล่วงหน้า ทำให้ผู้เอา
ประกันภัยสามารถวางแผนในการชำระค่าเบี้ย
ประกันภัยได้ผู้เอา
ประกันภัยอาจตกลงกับบริษัท
ประกันภัยจัดทำกรมธรรม์
ประกันภัยรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ ที่มีระยะเวลาเอา
ประกันภัยเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี โดยให้ใช้อัตราเบี้ย
ประกันภัยแบบเฉลี่ย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทำให้อัตราเบี้ย
ประกันภัยไม่เพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลาเอาประกัน
ทั้งนี้ ตามข้อ 2-4 มีผลบังคับใช้สำหรับการทำสัญญา
ประกันภัยกับบริษัทตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2563 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่งสามารถแจ้งหยุดการใช้รถ กรณีรถยนต์ที่เอา
ประกันภัยไม่ได้มีการใช้เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป และกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจยังมีผลบังคับ โดยสามารถขอคืนเงินค่าเบี้ย
ประกันภัยในช่วงระยะเวลาที่หยุดใช้รถยนต์ หรือสามารถนำเบี้ย
ประกันภัยที่ได้รับคืนมาขยายระยะเวลา เอา
ประกันภัยได้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง อาจได้รับส่วนลดอัตราเบี้ย
ประกันภัยได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนเบี้ย
ประกันภัย สำหรับการ
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท ที่ทำสัญญากับบริษัท
ประกันภัยตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง สามารถแบ่งชำระเบี้ย
ประกันภัยรถยนต์เป็นรายงวดได้ สำหรับผู้ประกอบการฯ ที่มีการทำสัญญาหรือมีการชำระเบี้ย
ประกันภัยตามสัญญา ตั้งแต่วันที่มีผลบังคับวันที่ 20 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563
นอกจากนี้ ตามที่มีข้อแนะนำจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับมาตรการด้านการ
ประกันภัย และขอให้บริษัท
ประกันภัยเข้ามาช่วยบรรเทาผลกระทบและดูแลเยียวยาประชาชน รวมถึงมาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่หยุดประกอบกิจการ สำนักงาน คปภ. จึงขอแสดงความขอบคุณ และเห็นว่าเป็นข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงได้เชิญผู้บริหารของสมาคมประกันวินาศภัยไทย เข้าร่วมหารือกับผู้บริหารของสำนักงาน คปภ. ผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบในหลักการว่าควรจะออกมาตรการเยียวยาด้าน
ประกันภัยเพิ่มเติม โดยได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ 4 มาตรการเพิ่มเติม เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่หยุดประกอบกิจการ ดังนี้
มาตรการด้านการ
ประกันภัยประเภท Non-Motor บริษัทประกันวินาศภัย สามารถกำหนดให้ผู้เอา
ประกันภัยเลือกลด หรือระงับความคุ้มครองจากการเสี่ยงภัยของกรมธรรม์
ประกันภัยบางส่วน ตามการเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงภัย ตามที่ธุรกิจหยุดประกอบกิจการ โดยบริษัทจะคืนเบี้ย
ประกันภัยจากส่วนความคุ้มครองที่ลดลง ทั้งนี้รายละเอียดเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
มาตรการด้านการ
ประกันภัยประเภท Motor (การ
ประกันภัยรถยนต์) บริษัทประกันวินาศภัยสามารถพิจารณาชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ ดังนี้
บริษัทประกันวินาศภัยสามารถพิจารณาลดเบี้ย
ประกันภัยสำหรับกรมธรรม์
ประกันภัยที่จะต่ออายุในปีถัดไปได้ไม่เกิน 40% และ/หรือบริษัทประกันวินาศภัยสามารถพิจารณาขยายระยะเวลาการคุ้มครองเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่รัฐบาลประกาศ
เคอร์ฟิว เนื่องจากเป็นช่วงที่ไม่มีการใช้รถ และ/หรือผู้เอา
ประกันภัยสามารถเลือก/ลดความคุ้มครองจากการใช้รถทั้งหมดหรือบางส่วนตามการเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงภัย โดยบริษัทจะคืนเบี้ย
ประกันภัยจากส่วนความคุ้มครองที่ลดลง โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
“ขั้นตอนจากนี้ไปสำนักงาน คปภ. จะเร่งออกคำสั่งนายทะเบียนเพื่อให้บริษัท
ประกันภัยสามารถปฏิบัติตามมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมข้างต้นโดยเร็ว ทั้งนี้จะกำกับดูแลเพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการเยียวยาต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ตลอดจนภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างแท้จริง” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
![]()