![บอร์ด คปภ. ไฟเขียว เยียวยาธุรกิจประกันภัย ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เห็นชอบให้หั่นค่าธรรมเนียมประกันภัยทุกประเภทลง 50%]()
กรุงเทพฯ--5 พ.ค.--คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย
ดร.
สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย (บอร์ด คปภ.) ครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 ที่มีนาย
ประสงค์ พูนธเนศ ปลัด
กระทรวงการคลัง เป็นประธานฯ ได้พิจารณากรณีที่ สภาธุรกิจ
ประกันภัยไทย มีหนังสือขอให้ลดผลกระทบและแบ่งเบาภาระของภาคธุรกิจ
ประกันภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยขอความอนุเคราะห์ในการพิจารณาผ่อนผันปรับลดอัตรา
ค่าธรรมเนียมหรือปรับลดอัตราเงินสมทบที่นำส่งสำนักงาน คปภ.
ในการพิจารณาประเด็นข้างต้นที่ประชุมฯ รับทราบ ผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (Industry Stress test) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งพบว่า แม้ธุรกิจ
ประกันภัยไทยจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าว แต่ในภาพรวมยังคงแข็งแกร่งและมีความทนทานต่อสภาวะวิกฤติ ทั้งในสถานการณ์ V-shape และ L-shape ได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาด้านการ
ประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ มาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับบริษัท
ประกันภัย มาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับคนกลาง
ประกันภัย และมาตรการเกี่ยวกับการดำเนินงานของ สำนักงาน คปภ. โดยล่าสุดได้ออกมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ
ประกันภัยในการขยายระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากผลการทดสอบภาวะวิกฤติในส่วนของ สำนักงาน คปภ. ประกอบกับมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย พ.ศ. 2550 รวมทั้งมาตรา 44 มาตรา 46 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งจะต้องอยู่บนพื้นฐานประโยชน์ของรัฐ และประชาชน ความคุ้มค่า และความประหยัด รวมทั้งจะต้องกระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ทั้งต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐ โดยต้องรักษาไว้ในระดับที่จำเป็น เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการเบิกจ่ายเพื่อการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการบริหารสภาพคล่องด้วย ดังนั้นการปรับลดอัตราเงินสมทบ จึงอาจไม่เป็นไปตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย พ.ศ. 2550 และอาจขัดต่อมาตรา 44 มาตรา 46 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ได้
เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาวิธีการอื่นนั้น การปรับลด
ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัย จะเป็นประโยชน์มากกว่าและไม่กระทบต่อสภาพคล่องของ สำนักงาน คปภ. เนื่องจากเป็นมาตรการช่วยเหลือที่จะเกิดประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง คือนอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อบริษัท
ประกันภัยแล้ว ประชาชนที่ประสงค์จะเข้าสู่อาชีพ
ประกันภัย ตัวแทนประกันชีวิต ตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต นายหน้าประกันวินาศภัย และนักคณิตศาสตร์
ประกันภัย จะได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งจากข้อมูลสถิติในปี 2562 พบว่า มีจำนวนประชาชนสมัครสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนนายหน้า
ประกันภัย/ผู้ขอรับใบอนุญาตฯ/ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตฯ รวมทั้งสิ้น 680,227 ราย รวมทั้งยังสามารถลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการด้านการ
ประกันภัย ได้แก่ นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย ดังนั้นที่ประชุมฯ จึงมีมติ ดังนี้
เห็นชอบตามที่สำนักงาน คปภ. เสนอ ในการให้ปรับลด
ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันวินาศภัย ลงครึ่งหนึ่งทุกรายการ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ได้แก่
ค่าธรรมเนียมสมัครสอบความรู้เพื่อขอรับใบอนุญาต
ค่าธรรมเนียมในการขอรับใบอนุญาตของตัวแทนนายหน้า
ประกันภัย การขอต่ออายุใบอนุญาตของตัวแทนนายหน้า
ประกันภัย การขอรับใบอนุญาตเป็นนักคณิตศาสตร์
ประกันภัย การขอใบแทนใบอนุญาต การขอรับรองสำเนาเอกสาร เป็นต้นเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนด
ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันชีวิตในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ. ….เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนด
ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ. ….
ทั้งนี้ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ สำนักงาน คปภ. ติดตามผลกระทบของภาคธุรกิจ
ประกันภัยอย่างใกล้ชิด โดยให้มีการจัดทำการทดสอบภาวะวิกฤติเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ หากผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ภาคธุรกิจ
ประกันภัยมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ก็ให้รีบเสนอให้พิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่จำเป็นเพิ่มเติมต่อไป
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19 ส่งผลให้มีประชาชน ภาครัฐ และเอกชนได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ตามมาตรการที่ที่ประชุม คปภ. มีมติในครั้งนี้เป็นมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมจากหลายมาตรการที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องเสนอเรื่องไปที่
กระทรวงการคลัง เนื่องจากตามกฎหมาย การกำหนด
ค่าธรรมเนียมเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องโดยใกล้ชิด และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชน และเยียวยาภาคธุรกิจ
ประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
![]()
![]()