กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีสองพี่น้อง คือ ด.ช.ภูริภัทณ์ ศรีทองคำ หรือ น้องหมีพลู อายุ 14 ปี และ น.ส.ศศิธร ศรีทองคำ หรือน้องแตงโม อายุ 21 ปี ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลคลองเกลือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กรณีที่นางณัฐชาวีร์ ภิรมย์เมือง อายุ 42 ปี (มารดา) ขับขี่รถจักรยานยนต์ ถูกรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2562 แต่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ตามที่ปรากฏข่าวผ่านสื่อมวลชน นั้น
เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยของประชาชน ตนได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายกลยุทธ์องค์กร สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี และ สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) ในฐานะดูแลรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เร่งตรวจสอบข้อมูลและให้การช่วยเหลือด้านประกันภัยโดยเร็ว เพื่อใช้ระบบประกันภัยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม โดยได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ว่า รถยนต์เก๋ง ทะเบียน 3 กศ 9908 กรุงเทพมหานคร ที่เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กรท 709 นครปฐม ของ นางณัฐชาวีร์ ภิรมย์เมือง อายุ 42 ปี (มารดาของน้องหมีพลู) ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 00808-61102/กธ/4406037 เริ่มคุ้มครองวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 นอกจากนี้ยังได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 00808-61102/กธ/022505-10 เริ่มคุ้มครองวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562
สำหรับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กรท 709 นครปฐม ของ นางณัฐชาวีร์ ภิรมย์เมือง อายุ 42 ปี (มารดาของน้องหมีพลู) ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 8173062230180364 เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มีนาคม 2562 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 3 ธันวาคม 2562
สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี จึงได้รีบประสานงานกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และนางณัฐชาวีร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียด และสอบถามข้อขัดข้องในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการเจรจากับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายด้านประกันภัย ได้ข้อยุติเป็นที่พอใจของคู่กรณี จึงได้มีการนัดจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในวันนี้ (7 พฤษภาคม 2563) ณ สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเลขาธิการ คปภ. เป็นประธานสักขีพยานการส่งมอบเช็คค่าสินไหมทดแทน และตรวจสอบหลักฐานต่างๆ พร้อมทั้งอ่านและอธิบายเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้เสียหายเข้าใจอย่างละเอียด โดยบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรณีทุพพลภาพ จำนวน 270,000 บาท (เต็มความคุ้มครอง นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลอีก 30,000 บาท ที่จะต้องจ่ายให้กับโรงพยาบาลที่รักษา) ค่าชดเชยรายวัน (กรณีเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล) จำนวน 4,000 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กรณีทุพพลภาพ จำนวน 500,000 บาท (เต็มความคุ้มครอง) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 774,000 บาท โดยได้มีการส่งมอบเช็คจำนวนดังกล่าวให้ผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า ข้อพิพาทในครั้งนี้เกิดจากปัญหาการประสานงานเกี่ยวกับใบรับรองแพทย์ที่จะใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอรับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย ทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อทราบเรื่อง สำนักงาน คปภ. จึงได้เข้ามาช่วยดูแลจนนำมาสู่การจ่ายค่าสินไหมทดแทนในวันนี้ ส่งผลให้ข้อพิพาทสามารถยุติกันได้
“สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นและต้องไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนที่สำนักงาน คปภ. ได้ โดยไม่มีค่าบริการ และไม่จำเป็นต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลยุติธรรมก่อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย