กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและบำรุงขวัญแก่เกษตรกรไทย กำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี ซึ่งระยะนี้เป็นระยะเหมาะสมที่จะเริ่มต้นการทำนา อันเป็นอาชีพหลักของประชาชนคนไทย แต่ไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนไว้เหมือนกับวันในพระราชพิธีอื่น ๆ ส่วนจะเป็นวันใดในเดือนหก หรือเดือนพฤษภาคมที่มีฤกษ์ยามที่เหมาะสมต้องตามประเพณี ก็ให้จัดขึ้นในวันนั้น โดยพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีพระราชพิธี 2 พิธีรวมกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคลอันเป็นพิธีสงฆ์ ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (พิธีไถหว่าน) อันเป็นพิธีพราหมณ์ ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีในวันรุ่งขึ้น ณ มณฑลพิธีสนามหลวง
นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเรื่อยมางานแรกนาขวัญมีแต่เพียงพิธีทางศาสนาพราหมณ์เท่านั้น จนกระทั่งถึงรัชสมัยของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้นในพระราชพิธีต่าง ๆ ทุกพิธี ดังนั้น พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจึงได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยได้จัดรวมกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จึงมีชื่อเรียกรวมกันว่า “พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ”
การจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ได้กระทำเต็มรูปบูรพประเพณีครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2479 แล้วว่างเว้นไปจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ฟื้นฟูพระราชพิธีขึ้นใหม่และได้กระทำติดต่อกันมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน ด้วยเห็นว่าเป็นการรักษาพระราชพิธีอันดีงาม มีผลในการบำรุงขวัญและจิตใจของเกษตรกรไทย สำหรับในปี 2563 นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้จัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนัง คัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เนื่องจากประเทศไทยและนานาประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ซึ่งมีมาตรการและข้อปฏิบัติทางสาธารณสุขหลายประการเพื่อป้องกันการ แพร่กระจายของโรค ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยงดการประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้ จากเดิมที่สำนักพระราชวังได้กำหนดให้ประกอบพระราชพิธีในวันอาทิตย์ ที่ 10 และวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563 โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตประกอบพิธีปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานและพืชพันธุ์ต่าง ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563 โดยนำพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทานในฤดูทำนาปี 2562 และพันธุ์พืชต่าง ๆ มาเข้าประกอบพิธี พร้อมทั้งพิธีหว่านข้าวในแปลงนาทดลอง สวนจิตรลดา ในวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563 เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรทุกสาขาทั่วประเทศ
ในแต่ละปีได้มีการกำหนดว่า ผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา คือ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยใน ปี 2563 นี้ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่พระยาแรกนา ส่วนผู้ที่มาทำหน้าที่เป็นเทพีทั้งหาบทองและหาบเงิน จะทำการคัดเลือกจากบรรดาข้าราชการหญิงโสด ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีตำแหน่งตั้งแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นโทขึ้นไป สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกเทพีในแต่ละปีจะดูที่ความเหมาะสมต่าง ๆ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่เป็นทางการ คือ โสดและได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้ว ที่ไม่เป็นทางการ คือ อายุพอสมควร สุขภาพดี ส่วนสูงพอเหมาะหรือสูงใกล้เคียงกัน สำหรับในปีนี้ เทพีคู่หาบทอง ได้แก่ นางสาวณัฐชยา ศรีสุขสวัสดิ์ นักวิชาการปฏิรูปที่ดินชำนาญการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และนางสาวอาทิตยา ทองแกมแก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ กรมส่งเสริมการเกษตร เทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ นางสาวกันยารัตน์ เศวตนันทิกุล นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางสาวชลธิชา ทองอ่อน นายสัตวแพทย์ชำนาญการ กรมปศุสัตว์ สำหรับพระโคที่ใช้ในการประกอบพระราชพิธีฯ นั้น กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการคัดเลือกพระโคตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม คือ จะต้องเป็นโคที่มีลักษณะดี รูปร่างสมบูรณ์มีความสูงไม่น้อยกว่า 150 เซนติเมตร ความยาวของลำตัวไม่น้อยกว่า 120 เซนติเมตร ความสมบูรณ์รอบอกไม่น้อยกว่า 180 เซนติเมตร โคทั้งคู่จะต้องมีสีเดียวกันผิวสวย ขนเป็นมัน กิริยามารยาทเรียบร้อย ฝึกง่าย สอนง่าย ไม่ดุร้าย เขามีลักษณะโค้งสวยงามเท่ากัน ตาแจ่มใส หูไม่มีตำหนิ หางยาวสวยงาม มีขวัญทัดดอกไม้ซ้ายขวาและขวัญหลังถูกต้องตามลักษณะที่ดี กีบและข้อเท้าแข็งแรง ถ้ามองดูด้านข้างของลำตัวจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม งานพระราชพิธี ฯ ทุกปีจะเตรียมพระโคไว้ 2 คู่
ส่วนพันธุ์ข้าวที่ใช้ในงานพระราชพิธี ฯ ซึ่งผู้คนในสนามหลวงทุกเพศทุกวัยจะกรูกันเข้าไปยังลานแรกนา เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวกลับไปเป็นสิริมงคลนั้น นับตั้งแต่ปี 2504 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้มาจากแปลงนาในสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ที่ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมการข้าวจัดทำขึ้นเพื่อเก็บเกี่ยวเป็นพันธุ์ข้าว ทรงปลูกพระราชทานสำหรับไว้ใช้ในงานพระราชพิธี ฯ โดยเฉพาะ ซึ่งในปี 2563 นี้ เมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกที่นำเข้าในพระราชพิธี มีทั้งหมด 5 พันธุ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 1,458 กิโลกรัม ประกอบด้วย ขาวดอกมะลิ105 ปทุมธานี1 กข79 กข43 และ กข6 ส่วนหนึ่งใช้หว่านในระหว่างพิธี และจัดเป็น “พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน” บรรจุใส่ซองขนาดเล็กเพื่อจัดส่งให้จังหวัดต่าง ๆ สำหรับใช้แจกจ่ายแก่เกษตรกรรับไปเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลในการประกอบอาชีพตามพระราชประสงค์ และเมล็ดพันธุ์ที่เหลือทั้งหมด กรมการข้าวขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำไปปลูกไว้ทำพันธุ์ในฤดูกาลปี 2563 เพื่อเป็นต้นตระกูลของพืชพันธุ์ดีเผยแพร่สู่เกษตรกรต่อไป
ทั้งนี้ ตามขนบธรรมเนียมประเพณี จะมีการการเสี่ยงทายในพระราชพิธีฯ แต่ละปีนั้นประกอบด้วย 2 ช่วง คือ ช่วงแรกพระยาแรกนาจะตั้งสัตยาธิษฐานหยิบนุ่งทับผ้านุ่งเดิมนั้นเป็นผ้าลายมีด้วยกัน 3 ผืน คือ หกคืบ ห้าคืบ และสี่คืบ ผ้านุ่งนี้จะวางเรียงบนโตกมีผ้าคลุมเพื่อให้ พระยาแรกนาหยิบ ถ้าหยิบได้ผืนใดก็จะมีคำทำนายไปตามนั้นคือ ถ้าหยิบได้ 4 คืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะมากสักหน่อย นาในที่ดอนจะได้ผลบริบูรณ์ดี นาในที่ลุ่มอาจจะเสียหายบ้างได้ผลไม่เต็มที่ ถ้าหยิบได้ 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี ถ้าหยิบได้ผ้า 6 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำจะน้อย นาในที่ลุ่มจะได้ผลบริบูรณ์ดีแต่นาในที่ดอนจะเสียหายบ้าง ไม่ได้ผลเต็มที่ ส่วนช่วงที่ 2 คือ ภายหลังจากการไถหว่านซึ่งจะเป็นการไถดะไปโดยรี 3 รอบ เพื่อพลิกดินให้เป็นก้อน ไถโดยขวาง 3 รอบ เพื่อย่อยดินให้ละเอียดพร้อมหว่านเมล็ดพันธุ์พืช และไถกลบอีก 3 รอบ เพื่อกลบเมล็ดพันธุ์พืชลงในดิน
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการไถแล้วจะเป็นการเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่งตั้งเลี้ยงพระโค ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่วเขียว งา เหล้า น้ำและหญ้า เมื่อพระโคกินของสิ่งใดโหรหลวงจะถวายคำพยากรณ์ ดังนี้ ถ้าพระโคกินข้าวหรือข้าวโพด พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี ถ้าพระโคกินถั่วหรืองา พยากรณ์ว่า ผลาหาร ภักษาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี ถ้าพระโคกินน้ำหรือหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหารผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี และถ้าพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่า การคมนาคมสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้นทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาลงมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคลนี้เป็น “วันเกษตรกร” นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นต้นมา เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรพึงระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร และร่วมมือกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาชีพของตน ทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศชาติ จึงได้จัดงานวันเกษตรกรควบคู่ไปกับงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญตลอดมา โดยในปี 2563 เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นประเภทต่าง ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกได้รับรางวัลและยกย่องประกาศเกียรติคุณพร้อมทั้งเผย แพร่ผลงานให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จักและยึดถือเป็นแบบอย่างในแนวทางการปฏิบัติ มีดังนี้
เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 16 ราย
อาชีพทำนา ได้แก่ นางรจนา สีวันทา บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ที่ ๔ ตำบลหนองสนิท อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์อาชีพทำสวน ได้แก่ นายนิโรจน์ แสนไชย บ้านเลขที่ ๑๘๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูนอาชีพทำไร่ ได้แก่ นายไชยสรรค์ อภัยนอก บ้านเลขที่ ๑๗๗/๑ หมู่ที่ ๘ บ้านหนองตอ ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาอาชีพไร่นาสวนผสม ได้แก่ นายบุญล้วน โพนสงคราม บ้านเลขที่ ๑๘๘ ที่ ๘ ตำบลวังหลวง อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคายอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้แก่ นางสงวน ทิพย์ลม บ้านเลขที่ ๗ หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองหว้า อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมาอาชีพเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ นายศักรินทร์ สมัยสง บ้านเลขที่ ๑๙/๑ หมู่ที่ ๒ ตำบลควนพัง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราชอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่ นายศุภสิทธิ์ เขื่อนแก้ว บ้านเลขที่ ๑๙๒/๑๙๖ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลเวียงชัย อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงรายอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย ได้แก่ นายสุรกิจ ละเอียดดี บ้านเลขที่ ๒๐๐ หมู่ที่ ๑๓ ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการอาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ได้แก่ นายพิบูลย์ชัย ชวนชื่น บ้านเลขที่ ๑๙๐/๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครอาชีพปลูกสวนป่า ได้แก่ นายศิริวัฒน์ ศรีสระคู บ้านเลขที่ ๑๙๙ หมู่ที่ ๔ ตำบลกำแพง อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ดสาขาบัญชีฟาร์ม ได้แก่ นายยงยุทธ ประวัง บ้านเลขที่ ๖๕ หมู่ที่ ๖ บ้านไร่ม่วง ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลยสาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้แก่ นางชลาลัย ทับสิงห์ บ้านเลขที่ ๒๐ หมู่ที่ ๔ ตำบลปางสวรรค์ อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์สาขาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช ได้แก่ นายสมชาย เจริญสุข บ้านเลขที่ ๓๖/๑ หมู่ที่ ๓ ตำบลดอนคา อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรีที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่ นายจิตตรง ธนันชัย บ้านเลขที่ ๔๘/๑ หมู่ที่ ๖ ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตสมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่ นางสาวจรรยา สิงห์โคตร บ้านเลขที่ ๙๒ หมู่ที่ ๘ ตำบลสระโพนทอง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิสาขาเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ นายเมธี บุญรักษ์ บ้านเลขที่ ๙๘/๘๗ หมู่ที่ ๑ ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
สถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 13 สถาบัน
กลุ่มเกษตรกรนา ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำนาบ่อทอง ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๖๙/๒ หมู่ที่ ๑ ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์กลุ่มเกษตรกรทำสวน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำสวนคุณภาพตำบลเหมืองง่า ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๑๙๑/๑ หมู่ที่ ๘ ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูนกลุ่มเกษตรกรทำไร่ ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรปลูกสับปะรดทางเกวียน ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๖๓/๑ หมู่ที่ ๒ ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยองกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อบ้านคำแม่นาง-สามแยก ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๒๐๖ หมู่ที่ ๔ ตำบลหนองซน อำเภอนาทม จังหวัดนครพนมกลุ่มเกษตรกรทำประมง หรือกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ ชมรมประมงพื้นบ้าน ตำบลปะนาเระ ที่ทำการกลุ่ม หมู่ที่ ๕ ตำบลปะนาเระ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานีกลุ่มเกษตรกรแปรรูปสัตว์น้ำ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนปลาร้าบองท่าตูม ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๑๖๒/๑ หมู่ที่ ๕ ตำบลหมูม่น อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานีกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรจักสานต้นคลุ้มบ้านวังตง ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๓ หมู่ที่ ๔ ตำบลนาทอน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูลกลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านฉลอง ที่ทำการกลุ่ม โรงเรียนบ้านฉลอง เลขที่ ๔๘/๑ หมู่ที่ ๖ ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านไร่สุขขุม ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๔๓/๑ หมู่ที่ ๔ ตำบลห้วยยั้ง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชรสถาบันเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทาน ได้แก่ กลุ่มบริหารการใช้น้ำฝายโป่งนก คลอง RMC คู ๑-๑๐, 1L-RMC ที่ทำการฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ ๒ หมู่ที่ ๑๒ บ้านหนองยาวพัฒนา ตำบลเวียง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงรายศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ประเภทข้าวหอมมะลิ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านโนนกระสัง ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๔๗ หมู่ที่ ๖ ตำบลกระเบื้องใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ประเภทข้าวอื่น ๆ ได้แก่ ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลท่าเยี่ยม ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๖๖ หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าเยี่ยม อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมาวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย ที่ทำการกลุ่ม เลขที่ ๔๖ หมู่ที่ ๒ ตำบลปอแดง อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 7 สหกรณ์
สหกรณ์การเกษตร ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรลำพระเพลิง จำกัด ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๔ หมู่ที่ ๘ ตำบลเมืองปัก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมาสหกรณ์โคนม ได้แก่ สหกรณ์โคนมสีคิ้ว จำกัด ที่ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๑๑๔/๗ หมู่ที่ ๓ ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมาสหกรณ์นิคม ได้แก่ สหกรณ์นิคมพิชัยพัฒนา จำกัด ที่ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๘๔ หมู่ที่ ๗ ตำบลท่ามะเฟือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์สหกรณ์ออมทรัพย์ ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูภูเก็ต จำกัด ที่ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๖/๔ หมู่ที่ ๓ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตสหกรณ์ร้านค้า ได้แก่ ร้านสหกรณ์วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ จำกัด ที่ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๙ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่สหกรณ์บริการ ได้แก่ สหกรณ์รถเล็กหาดใหญ่ จำกัด ที่ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๘๙ ซอย ๙ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้านซ่อง จำกัด ที่ทำการสหกรณ์ เลขที่ ๙๙ หมู่ที่ ๗ ตำบลหนองกระเจ็ด อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
นอกจากนี้ได้มีการคัดเลือกปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2563 จำนวน 3 สาขา ได้แก่
นายสุทัศน์ รอดคลองตัน เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงนายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่นนายปรีชา ศิริ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย