กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 29 จังหวัด รวม 122 อำเภอ 347 ตำบล 917 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 10,092 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ปัจจุบันคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 29 เมษายน 2563 ถึงปัจจุบัน (10 พ.ค.2563) ในพื้นที่ 29 จังหวัด ดังนี้
ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย อุดรธานี นครพนม ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา
ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี และสิงห์บุรี
ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี
รวม 122 อำเภอ 347 ตำบล 917 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 10,092 หลัง วัด 10 แห่ง โรงเรียน 4 แห่ง โรงพยาบาล 1 แห่ง สถานีบริการน้ำมัน 1 แห่ง เสาไฟฟ้า 123 ต้น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป