กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--ไออาร์ พลัส
“เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์” หรือ STC ประกาศงบ Q1/63 รายได้อยู่ที่ราว 131 ล้านบาท โตกว่า 21% จากการผลิตและจำหน่ายคอนกรีตสำเร็จรูปและคอนกรีตผสมเสร็จ ตามดีมานด์ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ในเมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึง ปัจจัยบวกจาก EEC จึงมองว่าปี 63 จะเป็นอีกปีที่ดีของบริษัท และไม่หวั่นผลกระทบโควิด-19 เนื่องจากงานโครงการในมือเดินหน้าต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องเริ่มฟื้นตัว เร่งจัดทัพทีมงานเดินหน้าแผนการผลิตและการขาย หนุนรายได้ปีนี้โต 10% ตามเป้า
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC ผู้ผลิตคอนกรีตครบวงจรในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 1/2563 รายได้รวมอยู่ที่ 130.51 ล้านบาท เติบโต 21.27 % จากปีก่อนอยู่ที่ 107.62 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.46% โดยส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากงานที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นไปตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งงานนิคมอุตสาหกรรม ตามนโยบายการลงทุนโครงการ EEC ที่เริ่มชัดเจนขึ้น และภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยาที่เริ่มฟื้นตัว สนับสนุนรายได้จากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30.44%
ขณะที่ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 38.02 ล้านบาท เติบโต 10.01% จากปีก่อนอยู่ที่ 34.56 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 8.44 ล้านบาท ลดลง 5.38% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.92 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.22% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 6.47%
ทั้งนี้ STC มีจุดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปที่มีความต้องการใช้ในโครงการสูง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและลักษณะของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการใช้งานและความต้องการของลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงได้ รวมทั้ง การปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด เจาะฐานลูกค้ากลุ่มงานโครงการขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มเติม สนับสนุนให้กำไรขั้นต้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้มีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่าเสื่อมโรงงานใหม่ และการปรับปรุงพัฒนาเครื่องจักรโรงงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้มีความสามารถในการผลิตสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น แต่เชื่อว่า นี่คือการเตรียมพร้อม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ในระยะยาว
“ผลงานที่ผ่านมาในไตรมาส 1/2563 บริษัทสามารถทยอยส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการในพื้นที่เมืองพัทยา และโครงการตามนโยบาย EEC ทำให้ยอดขายเติบโตได้สูงขึ้นรวมกว่า 21% ขณะที่ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เริ่มมีผลบังคับใช้ในงวดปัจจุบัน ส่งผลกระทบในการพิจารณาตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น จึงทำให้กำไรสุทธิในงวดนี้ปรับลดลง0.48 ล้านบาท หรือ 5.38% แต่ในเชิงภาพรวมทิศทางการดำเนินงาน และส่งมอบสินค้ายังเป็นในเชิงบวก เนื่องจากเราเห็นออเดอร์ที่รอส่งมอบในมือในปีนี้ และงานโครงการของบริษัทฯ เป็นงานต่อเนื่อง ไม่สามารถหยุดชะงักได้ และส่วนใหญ่จะส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมั่นใจเป้าหมายในปีนี้จะเป็นไปตามที่วางไว้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อนรายได้รวมอยู่ที่ราว 422 ล้านบาท และมุ่งเน้นรักษาอัตรากำไรให้เติบโตขึ้นจากปีก่อน” นายเอกชัย กล่าว
นายเอกชัย กล่าวเสริมอีกว่า แม้สถานการณ์ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2563 จะมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับยอดขาย และการส่งมอบงานของบริษัทฯ เพราะในช่วงที่ผ่านมา STC มุ่งสู่งานภาครัฐมากขึ้น หรือมีสัดส่วนงานราว 80% ของงานในมือ จึงมีความเสี่ยงต่ำที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว อีกทั้งยังมีรายได้จากการผลิตคอนกรีตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการ EEC ที่มีแต่เดินหน้า เพื่อเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของเอเชีย ตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้ พร้อมทั้งขับเคลื่อนแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก และการพัฒนาโครงสร้างสังคม จึงมองในระยะยาว ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียงจะเริ่มฟื้นตัว เป็นอีกปัจจัยบวกที่บริษัทฯ เตรียมพร้อมรับโอกาสดังกล่าวไว้อยู่แล้ว จากการขยายโรงงานใหม่ และพัฒนาเครื่องจักรให้มีศักยภาพ ยึดหัวหาดธุรกิจคอนกรีตในพื้นที่เมืองพัทยาและภาคตะวันออก ด้วยมาตรฐานที่ดี มีความน่าเชื่อถือ และรวดเร็วในการส่งมอบ ด้วยต้นทุนที่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ที่กลุ่มลูกค้าให้การยอมรับ