กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ธามดี พลัส
บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) แจ้งงบ 3 เดือน สำหรับงวด ม.ค.-มี.ค. 2563 รายได้ 2,954.36 ล้านบาท ลดลง 2.76% โดยมีกำไรก่อนหักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 187.14 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 127.25 บาท (ซึ่งเป็นขาดทุนทางบัญชี) เป็นผลกระทบ COVID-19 ฉุดบาทอ่อนลง คงเหลือกำไรสุทธิ 59.89 ล้านบาท สำหรับแผนงาน 9 เดือนจากนี้ บริษัทยังคงขยายตลาดและเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 ว่า มีรายได้จากการขายรวม 2,954.36 ล้านบาท ลดลง 83.92 ล้านบาทหรือ 2.76% เมื่อเทียบกับเดียวกันปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,466.34 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.63% ของยอดขายรวม ลดลง 20.39% รายได้จากการขายต่างประเทศ 1,488.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.37% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 24.37%
สำหรับกำไรขั้นต้นงวดไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 399.99 ล้านบาท หรือ 13.54% จากยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 151.18 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.76% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิ อยู่ที่ 59.89 ล้านบาท หรือ 2.03% ของยอดขายรวม ลดลง 41.04 ล้านบาท หรือ 40.66% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.04 บาทต่อหุ้น
ผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า( COVID-19) ทำให้เงินบาทมีการอ่อนค่าลง บริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน สุทธิ จำนวน 29.32 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ตามมาตรฐานการบัญชีของตราสารอนุพันธ์ สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Forward Contract)สำหรับค่าสินค้าที่บริษัทได้มีการขายล่วงหน้าไว้แล้ว จำนวน 127.25 ล้านบาท
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโรงงานของลูกค้าในจีนเริ่มกลับมาเดินการผลิตแล้ว สำหรับการเจรจาลูกค้ารายใหม่ ในช่วงปลายไตรมาส 2 คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่ 2 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าสัญญาระยะยาว (Long Term Contact) อีกด้วย คาดว่าจะมาช่วยหนุนออเดอร์ของบริษัทให้เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ทดลองเดินเครื่องจักรโรงงานผลิตแห่งใหม่ตามแผนที่วางไว้
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจากก๊าซชีวภาพนั้น หากรัฐบาลเริ่มโครงการ บริษัทก็พร้อมจะเข้าประมูลโดยทันที โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีส่วนเข้าไปร่วมในโครงการจำนวน 6 เมกะวัตต์ ในกลุ่มโรงไฟฟ้าชุมชนแบบเร่งด่วน (Quick Win) พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมส่งมอบแผ่นปูรองนอนสัตว์ให้สหกรณ์โคนมทั่วประเทศเพื่อทดลองใช้ หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมืองให้สามารถเดินทางระหว่างจังหวัดได้