AGE โชว์โค้งแรก ยอดขายแตะ 1.05 ล้านตัน-กำไร 41.2 ล้านบาท เดินเกมธุรกิจโลจิสติกส์ ดันรายได้เพิ่ม เสริมความแข็งแกร่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 12, 2020 10:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี หรือ AGE เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 กวาดยอดขายแตะ 1.05 ล้านตัน ส่งผลรายได้รวมอยู่ที่ 2,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% กำไรสุทธิ 41.2 ล้านบาท ด้านประธานกรรมการบริหาร “พนม ควรสถาพร” ระบุ เตรียมเดินหน้าบุกธุรกิจด้าน โลจิสติกส์ต่อเนื่อง ตอกย้ำปลายปี เพิ่มเรือลำเลียงครบ 36 ลำ และขยายท่าเรือที่ 4 ต่อทันที นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 2,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 1,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่ 95.2 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 41.2 ล้านบาท ลดลงจากเดียวกันของปีก่อน 49% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากปริมาณการขายในประเทศ อยู่ที่ 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณการขายในต่างประเทศ อยู่ที่ 0.05 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินรวมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อยู่ที่ 1.05 ล้านตัน สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2563 นั้น ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวเพิ่มว่า บริษัทฯ ยังคงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นตัวแปรหลักที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการลงทุน ดังนั้นบริษัทฯ ต้องวางกลยุทธ์แผนขยายการลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทั้งด้านธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจถ่านหิน ที่บริษัทฯ ยังดำเนินการลงทุนตามแผนยุทธ์ศาสตร์ที่วางไว้ โดยคำนึกถึงผลประโยชน์และความมั่นคงด้านอัตราการเติบโตของธุรกิจเป็นสำคัญ โดยในปีนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้า และท่าเรือ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการขนส่งสำหรับธุรกิจด้านโลจิสติกส์ทั้งทางบก และทางน้ำ โดยในปีนี้ มีเพิ่มการต่อเรือลำเลียงอีก 6 ลำ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 ลำ ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทฯ จะมีเรือลำเลียงครบจำนวน 36 ลำ พร้อมทั้งจะขยายการลงทุนไปยังรถบรรทุกเพื่อการขนส่ง อีกจำนวน 20 คัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 35 คัน ซึ่งจะทำให้ในปีนี้จะมีรถบรรทุกทั้งหมดจำนวน 55 คัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมพัฒนาพื้นที่ท่าเรือที่ 4 และโรงงานคัดแยกที่ 4 ในพื้นที่คลังสินค้าที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายสินค้าหน้าท่าเรือ และเพิ่มความสามารถในการคัดแยกสินค้า โดยคาดจะสามารถเริ่มใช้งานในช่วงต้นปี 2564

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ