กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
ดิจิโอ สตาร์ทอัพผู้นำด้านการพัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินในประเทศไทย ได้รับการลงทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบซีรี่ส์บี เพื่อนำเงินลงทุนไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ โดยนักลงทุนในรอบซีรี่ส์บีนี้ได้แก่ บริษัท PCC ที่ให้บริการเครือข่ายธุรกรรมระหว่างธนาคาร บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล บริษัทร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย และกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 2 โดยมี สยาม อัลฟ่า เอคควิตี้ (SAE) เป็นที่ปรึกษาการลงทุน โดยเงินทุนที่ได้รับมาดิจิโอจะนำไปใช้ในการขยายและพัฒนาระบบการชำระเงินสำหรับสถาบันทางการเงิน และเพิ่มศักยภาพให้กับระบบการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำธุรกรรมทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับผู้บริโภคและกลุ่มธุรกิจ
นายนพพร ด่านชัยนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กองทรัสต์เพื่อประกอบกิจการเงิน รวมไปถึงธนาคารชั้นนำในประเทศไทยเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ และการระดมทุนนี้จะสามารถทำให้บริษัทสามารถขยายบริการระบบการชำระ เงินให้กับทั้งทางสถาบันทางการเงิน รวมไปถึงผู้บริโภคอีกด้วย”
ผลิตภัณฑ์และบริการของดิจิโอช่วยให้ให้ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลในปี 2562 ผลิตภัณฑ์การชำระเงินของดิจิโอมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้บริษัทได้รับใบอนุญาตการให้บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Payment Facilitating Services (PFS)) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะช่วยให้ดิจิโอสามารถให้บริการชำระเงินใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กโดยตรง ซึ่งใบอนุญาตนี้เป็นการยืนยันว่าคุณภาพและระบบการให้บริการของดิจิโออยู่ในมาตรฐานตามกฎระเบียบของ ธปท. อีกทั้งบริษัทยังได้รับการรับรองการปฎิบัติตามกฎการชำระเงิน (PCI) ตามมาตรฐานความปลอดภัยทางสารสนเทศสำหรับธนาคาร สถานบันทางการเงิน ฟินเทค และผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ ด้วย
ในความร่วมมือกับ PCC นั้น ดิจิโอได้เปิดตัวโซลูชั่น Flite ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของระบบชำระเงิน ณ จุดขาย (POS) ที่ช่วยให้กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กสามารถให้บริการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตแบบไร้การสัมผัส (contactless payment) ได้อย่างปลอดภัย บริษัทยังได้ทำงานร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำของไทยให้บริการด้าน e-invoices และ e-payments และการเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ล่าสุด MeeBill โดยโซลูชั่นนี้มีส่วนช่วยให้ร้านค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์สามารถออกใบเรียกเก็บเงินให้กับลูกค้าได้โดยง่าย รวมไปถึงการรับชำระเงินด้วย QR ผ่านอุปกรณ์มือถือ ตลอดจนการตรวจสอบและสรุปยอดใบเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
“ภารกิจของเราคือ การเปิดใช้งานการชำระเงินดิจิทัลในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ด้วยความไว้วางใจจากคู่ค้าของเรา เราสามารถสร้างโซลูชั่นทางการเงินที่ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการดำรงชีวิต และช่วยผลักดันการใช้ระบบการชำระเงินดิจิตอลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” นายนพพรกล่าว
ดิจิโอก่อตั้งขึ้นในปี 2555 ให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับโซลูชั่นการชำระเงิน เช่น EDC, mPOS, การพิสูจน์และยืนยันตัวตนบุคคลแบบดิจิทัล และตัวกลางเชื่อมต่อเครือข่ายการชำระเงิน บริษัทมีสำนักงาน 3 แห่ง อยู่ในกรุงเทพ 2 แห่งและเชียงใหม่
ในขณะที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย แต่ฐานลูกค้าของดิจิโอไม่ได้มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย และพม่า นอกจากนี้ดิจิโอยังได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมอีกมากมาย รวมถึงรางวัลจากนายกรัฐมนตรีในงาน Startup Thailand 2560 ดิจิโอสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่เริ่มกิจการและจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การดำเนินธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืน
เกี่ยวกับ ดิจิโอ (ประเทศไทย)
บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดิจิโอ วางตัวเองในฐานะบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการช่วยสถาบันทางการเงินและพันธมิตรโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิโอยังได้นำเสนอโซลูชั่นเพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจขนาดเล็กและผู้บริโภค