กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--บลจ.กสิกรไทย
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USA-A(D)) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 และ กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 โดยทั้ง 2 กองทุนจ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย และมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 134.35 ล้านบาท
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-USA-A(D) เมื่อปี 2555 กองทุนมีการจ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมแล้วทั้งสิ้น 28 ครั้ง เป็นเงิน 7.55 บาทต่อหน่วย และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 14.56% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ซึ่งอยู่ที่ 11.46% ต่อปี โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.20% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย. 63) ทั้งนี้ ภาพรวมการลงทุนในสหรัฐฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐฯ รวมถึงภาครัฐต่างเร่งออกมาตรการเพื่อเยียวยา โดยคาดการณ์ GDP ของสหรัฐฯ ในปีนี้น่าจะหดตัวอยู่ในช่วง -3% ถึง -6% อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังต้องติดตามความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และมาตรการการเงินการคลังที่ออกมาว่าจะช่วยลดผลกระทบให้กับภาคธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด
สำหรับกองทุน K-EUROPE มีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 รวมแล้วทั้งสิ้น 20 ครั้ง เป็นเงิน 4.50 บาทต่อหน่วย และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 6.87% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ซึ่งอยู่ที่ 6.57% ต่อปี โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 8.00% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย. 63) ทั้งนี้ ภาพรวมการลงทุนในยุโรปยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เช่นกัน แม้จะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงหลายประเทศในยุโรปเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่การหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้ภาพรวมยังดูเปราะบางอยู่มาก โดยคาดการณ์ GDP ในปีนี้น่าจะติดลบนำโดยอิตาลี อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังต้องติดตามการทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของแต่ละประเทศในภูมิภาค ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน K-USA-A(D) และ K-EUROPE สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว (ที่มา: Morningstar ณ 31 มี.ค. 63) ซึ่งผู้ลงทุนสามารถพิจารณาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ลงทุนเน้นกระจายการลงทุน และกำหนดสัดส่วนการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ โดยลงทุนในกองทุน K-USA-A(D) และ K-EUROPE ประมาณ 5% - 10% ของพอร์ต อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ที่ภาวะตลาดยังคงมีความผันผวน ผู้ลงทุนจึงควรต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน
ผู้ลงทุนสามารถดาวน์โหลด App K-My Funds เพื่อดูผลการดำเนินงานย้อนหลังได้สะดวกยิ่งขึ้น และเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้