กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ หรือ GPI คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัวครึ่งปีหลัง หลังเลื่อนจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 เป็นเดือนกรกฎาคมนี้เนื่องยังมีมาตรการเคอร์ฟิว ลุ้นรัฐปลดล็อกการจัดงานแสดงสินค้า หลังจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต่อวันในไทยลดลง ชี้หลังบริษัทฯ แตกไลน์เข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงขยะแปรรูป (RDF) จะหนุนความมั่นคงและการเติบโตในอนาคต
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากตัดสินใจเลื่อนการจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 (Bangkok International Motor Show 2020) ออกไปเป็นเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มีการต่ออายุการบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและมาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อยับยั้งโรค COVID-19 เช่น ห้ามชุมนุมคน งดเว้นการจัดงานแสดงสินค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ จากสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ต่อวันในประเทศไทยที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายการล็อกดาวน์ให้บางธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์และหากรัฐบาลอนุญาตให้เริ่มดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าได้ บริษัทฯ ก็พร้อมจะเดินหน้าจัดงาน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 โดยมีมาตรการตรวจคัดกรองผู้เข้าชมและมาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเข้มงวดเพื่อให้ความมั่นใจแก่ทุกฝ่าย
“เดิมเรากำหนดจัดงานมอเตอร์โชว์ไว้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เมื่อจำเป็นต้องเลื่อนการจัดงานฯ ก็จะกระทบต่อการรับรู้รายได้ที่ต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามเรายังมั่นใจจะสามารถจัดงานมอเตอร์โชว์ได้ตามแผนงาน” ดร.ปราจิน กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GPI กล่าวต่อว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งนับเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งสำคัญของบริษัทฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีความมั่นคงและแนวโน้มเติบโตที่ดี ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่ช่วยเพิ่มผลกำไรแก่บริษัทฯ ได้อย่างสม่ำเสมอและลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจในช่วงที่มีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว GPI เข้าลงทุนถือหุ้น 25.45% ในบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงขยะแปรรูป (RDF: Refuse Derived Fuel) ในจังหวัดนครสวรรค์ กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ (MW) ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีความคืบหน้าตามแผนงาน โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับ Adder หรือส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า 3.50 บาทต่อหน่วย (Kwh) เพิ่มจากค่าไฟฐานเป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้า หลังจากนั้นราคารับซื้อจะเป็นไปตามราคารับซื้อพื้นฐานและนโยบายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ทรูเอ็นเนอร์จีได้จัดเตรียมแหล่งขยะโดยทำสัญญากับเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เพื่อรับกำจัดขยะด้วยวิธีคัดแยก มีอายุสัญญา 25 ปี (นับจาก 12 พฤศจิกายน 2558) ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าตลอดอายุสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้า