กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เร่งบริหารประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรับมือปัจจัยลบ ฉุดราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลดลง และเจอปัญหาภัยแล้งรุนแรงสุดรอบ 40 ปี เดินหน้าเร่งส่งเสริมการเพาะปลูกชาวไร่อ้อยคู่สัญญาเต็มที่ พร้อมจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อการเพาะปลูก หวั่นส่งกระทบต่อผลผลิตอ้อยเข้าหีบฤดูการผลิตปี 63/64 ลดลง ย้ำชัดแต่ไม่กระทบต่อปริมาณน้ำตาลในประเทศ การันตีมีน้ำตาลบริโภคเพียงพออย่างแน่นอน
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำตาลในตลาด ณ ปัจจุบัน ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบ COVID-19 ที่ฉุดอัตราการบริโภคน้ำตาลของโลกลดลง ประกอบกับภาวะราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างรุนแรงจากการแข่งขันของผู้ค้าและส่งออกน้ำมัน ทำให้ผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่อย่างประเทศบราซิล ชะลอการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลเพื่อนำใช้เป็นเชื้อเพลิงภายในประเทศ แล้วหันมาผลิตน้ำตาลทรายเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นทำให้มีอุปทานน้ำตาลในตลาดปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 9-10 เซนต์ต่อปอนด์
นอกจากนี้ จากสภาพปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงสุดในรอบ 40 ปี ยังได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในด้านพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตอ้อยประจำปี 2563/64 ที่คาดว่า จะลดลงจากปีการผลิตที่ผ่านมาที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบลดลงเหลือ 74.89 ล้านตันอ้อยและผลิตน้ำตาลได้ 8.27 ล้านตัน โดยโรงงานได้วางแผนบริหารจัดการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว จากการเร่งจัดส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไร่เข้าไปช่วยเหลือชาวไร่คู่สัญญาเตรียมพื้นที่เพาะปลูกและสนับสนุนจัดหาแหล่งน้ำให้มีเพียงพอ เพื่อลดความเสียหายจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด และเตรียมความพร้อมด้านเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานในการหีบสกัดน้ำตาลต่อตันอ้อยในรอบการผลิตใหม่ให้ได้สูงสุดเพื่อให้ชาวไร่มีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น
“โรงงานน้ำตาลกังวลต่อสถานการณ์เพาะปลูกอ้อยปีนี้ ที่ต้องเจอภัยแล้งรุนแรงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทำให้ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อต่อสู้กับปัจจัยลบในครั้งนี้ โดยให้ความช่วยเหลือชาวไร่คู่สัญญาในทุกด้าน เช่น การจัดหาแหล่งน้ำให้แก่ชาวไร่ โดยหวังว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาให้ได้มากที่สุด ” นายสิริวุทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาภัยแล้งส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตน้ำตาลมีแนวโน้มลดลงไป แต่โรงงานน้ำตาลก็มีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือเครื่องจักรตัดอ้อยสำหรับให้บริการชาวไร่อ้อยคู่สัญญา รวมทั้งวางมาตรการส่งเสริมการตัดอ้อยสดและสะอาดส่งเข้าหีบ ซึ่งจะช่วยให้การหีบสกัดน้ำตาลต่อตันอ้อยให้ได้มากที่สุด และเกิดประโยชน์แก่ชาวไร่ที่จะมีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยสูงขึ้น
“แม้ว่าปริมาณผลผลิตน้ำตาลในฤดูการผลิต 2562/63 ต่ำกว่าปีที่แล้ว และผลผลิตในฤดูการผลิต 2563/64 จะมีปริมาณลดลง แต่จะไม่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนภายในประเทศอย่างแน่นอน เนื่องจากทั้งโรงงาน ชาวไร่อ้อยและภาครัฐ ได้ร่วมมือกันเพื่อบริหารจัดการน้ำตาลภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงมีส่วนเหลือที่สามารถส่งออกไปยังประเทศคู่ค้า เพื่อรักษาสถานะประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก” นายสิริวุทธิ์ กล่าว