TPLAS วางกลยุทธ์ปรับตัวยุคโควิด-19 เชื่อครึ่งปีหลังภาคกำลังซื้อกลับ รุกบรรจุภัณฑ์กล่องอาหาร – ลุยผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่ม 1-2 โปรดักส์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 13, 2020 10:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) หรือ TPLAS วางกลยุทธ์ปรับตัวยุคโควิด-19 เล็งสำรวจตลาดความต้องการผู้บริโภคเพิ่มขึ้น พร้อมเดินเกมรุก ไลน์ผลิตกล่องกระดาษบรรจุอาหาร ภายใต้ “B-LEAF” ชูกำลังผลิตเฟสแรก 650,00 กล่องต่อเดือน พร้อมลุยศึกษาแผนเพิ่มสินค้าใหม่ 1-2 โปรดักส์ เร็วๆ นี้ เชื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดี ด้านผู้บริหาร ระบุ โควิด-19 พ่นพิษ ป่วนกำลังซื้อโดยรวมชะลอ ส่งผลงบ Q1/63 มีรายได้รวม 110.31 ล้านบาท ลดลง 20.04% และกำไรสุทธิ 6.10 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลังยอดกำลังซื้อจะกลับมาส่งผลภาพธุรกิจจะฟื้นตัว นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจการลงทุน มีการชะลอตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กำลังซื้อผู้บริโภคก็ปรับตัวลดลงตาม ซึ่งจากประเด็นดังกล่าว TPLAS ก็มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปรากฏว่าความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกถนอมอาหาร หรือฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์ประเภทถุงใส่อาหาร ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงนี้อาจจะมีการชะลอตามกำลังซื้อลงไปบ้าง ขณะเดียวกันความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทบรรจุภัณฑ์กล่องอาหาร รักษ์สิ่งแวดล้อม ก็มีความต้องกันเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งจากดีมานด์ความต้องการของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ สบช่องเร่งขยายไลน์การผลิต เพื่อรอรับความต้องการของตลาดผู้บริโภค ทำให้ในเฟสแรก บริษัทฯ สั่งเร่งผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องอาหาร ภายใต้ตราสินค้า “B-LEAF” จำนวน 650,000 กล่องต่อเดือน พร้อมตั้งเป้ายอดขายจากโปรดักส์ดังกล่าว ในปีแรกไว้ที่ประมาณ 30 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคต เพื่อต่อยอดรายได้ในอนาคต นอกจากแผนในการขยายไลน์ผลิตดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ ได้ศึกษาแผนในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในเร็วๆ นี้ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น จะเป็นผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความหลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 110.31 ล้านบาท ลดลง 27.64 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.04% และมีกำไรสุทธิ 6.10 ล้านบาท ลดลง 4.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.37% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยสาเหตุที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เข้ามาเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้มีลุ่มผู้บริโภคมีความระมัดระวังการเรื่องใช้จ่ายมากขึ้น แต่หากพิจารณาด้านมาร์จิ้นในไตรมาสดังกล่าวแล้ว จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ สามารถรักษาระดับ Gross Marginได้เท่ากับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วที่ระดับ 19% พร้อมทั้งเชื่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจากกำลังซื้อจะมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใต้มาตรการการผ่อนคลาย COVID-19 “ในไตรมาสแรกต้องยอมรับว่า มีปัจจัยกดดันหลายๆ ด้าน อาทิ การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมชะลอตัวลงไปอีก จากเดิมที่แทบจะไม่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว ทำให้มีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น แต่ TPLAS มีความแข็งแกร่งในด้านฐานลูกค้าเดิมที่ยังคงสั่งสินค้าต่อเนื่องไม่ได้หนีหายไปไหน จึงทำยอดขายของ TPLAS ไม่ได้รับผลกระทบมากนักเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น” นายธีระชัย กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ