กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--สคร.12สงขลา
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา แนะการปฏิบัติตัวของประชาชน กรณีอยู่บ้าน ออกนอกบ้าน และการรวมกลุ่ม เน้นย้ำให้เพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคล ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
จากการสำรวจการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และพฤติกรรมของประชาชน เรื่องโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ในประชาชนอายุ 15-70 ปี จำนวน 400 ตัวอย่าง ในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ช่วงเดือนเมษายน 2563 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ประชาชนรู้จักการรักษาระยะห่างทางสังคม ร้อยละ 93.5 และรู้จักการรักษาระยะห่างทางกาย ร้อยละ 89.25 สำหรับการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นกิจกรรมในครอบครัว พบว่า ประชาชนใช้ช้อนกลางตัวเอง ร้อยละ 60.5 ไม่รับประทานอาหารในภาชนะเดียวกันกับคนในครอบครัว ร้อยละ 34.5 และแยกกันรับประทานอาหาร แยกภาชนะ นั่งห่างกัน 1-2 เมตร ร้อยละ 30.75 ส่วนพฤติกรรมการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ควรปรับปรุง ได้แก่ สมาชิกในครอบครัวมีการรวมกลุ่มรับประทานอาหาร ร้อยละ 73.25 รวมกลุ่มดูโทรทัศน์ ร้อยละ 40.75 และสมาชิกในครอบครัวนอนร่วมกัน
ร้อยละ 45.25 ส่วนการปฏิบัติตัวเมื่อออกนอกบ้าน พบว่า ประชาชนหลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้ที่มีอาการไอ จาม
ร้อยละ 98.25 สวมหน้ากากอนามัย/ผ้าทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน ร้อยละ 97.0 การรักษาระยะห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตร เมื่อออกนอกบ้าน ร้อยละ 95.5 และกิจกรรมทางศาสนา พบว่า ประชาชนใช้บ่อน้ำร่วมกันในการละหมาด ร้อยละ 59.25 และมีการรวมกลุ่มกัน 2-3 คน เพื่อทำกิจกรรรมทางศาสนาทุกวัน ร้อยละ 31.25
นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า สคร.12 สงขลา ขอแนะนำให้พี่น้องประชาชนตระหนักในการปฏิบัติตัว โดยเฉพาะการรักษาระยะห่างในครอบครัว หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางศาสนา การใช้บ่อน้ำหรืออ่างน้ำร่วมกันในการละหมาด การเพิ่มระยะระหว่างบุคคล รวมทั้งกินร้อน ใช้ช้อนกลางตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า และการล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์
อย่างไรก็ตาม การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ใช่เป็นเพียงหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ หรือประชาชนคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และสังคม หากมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422