นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าตัวแทนจำหน่ายเบียร์ยี่ห้อ"อาชา"ขายสินค้าในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง โดยตั้งราคาขายปลีกลังละ 240 บาท หรือประมาณ 5 ขวด 100 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาโรงงาน ตามประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดไว้ลังละ 326.40 บาท หรือขวดละ 27.20 บาท และต่ำกว่าราคาขายส่งที่ลังละ 371 บาท ซึ่งเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และ มาตรา 29 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542
"ได้รับแจ้งจากสำนักงานการค้าภายในจังหวัดหลายๆ จังหวัดว่าเอเย่นต์เบียร์อาชาใช้กลยุทธ์ดังกล่าวจริง ซึ่งได้ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเป็นเรื่องใหญ่และมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจการค้าของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าพิจารณาต่อไป" นายศิริพล กล่าว
ทั้งนี้ มาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจดำเนินการใดๆ จงใจทำให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าหรือบริการใด ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจกระทำการใดๆ อันมิใช่การแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมและมีผลเป็นการทำลาย ทำให้เสียหาย ขัดขวาง กีดกัน หรือจำกัดการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจอื่น หรือเพื่อมิให้ผู้อื่นประกอบธุรกิจ หรือต้องล้มเลิกการประกอบธุรกิจ
รายงานข่าวแจ้งว่า เบียร์อาชาผลิตโดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ช้าง ซึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่ายมาเคยเกิดปัญหาขายเหล้าพ่วงเบียร์ จนทำให้เบียร์ช้างก้าวขึ้นมาเป็นผู้มีส่วนแบ่งตลาดเบียร์ในประเทศเป็นอันดับ 1 ที่ 49% ขณะที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีส่วนแบ่งตลาด 46% ไฮเนเก้นท์ 3% ที่เหลือเป็นเบียร์อื่นๆ ซึ่งมีการมองกันว่ามีการนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้กับเบียร์อาชาอีก เพื่อมุ่งตีตลาดกลุ่มผู้บริโภคเบียร์ลีโอและไทยเบียร์