ทานตะวันเผยไตรมาสแรกกำไรโตแรงเพิ่มขึ้น 64.6% QOQ กำไรต่อหุ้น 0.89 บาทต่อหุ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น 4.8% ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 15, 2020 11:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ทานตะวันอุตสาหกรรม บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2563 ทำกำไรท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงต้นปี ต่อเนื่องมาจนถึงวิกฤติโควิด-19 ด้วยผลกำไรสุทธิถึง 71.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 64.6% และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น จำนวน 0.89 บาทต่อหุ้นเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 จากการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ไตรมาส 1/2563 มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 โดยเฉพาะถุงซิปที่เป็นสินค้าหลักของบริษัท ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศ นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ท่ามกลางกระแสต่อต้านพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (single use plastic) บริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ใช้ซ้ำ (reusable) โดยมุ่งเน้นยังอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการพลาสติก และมุ่งผลักดันแบรนด์สินค้าของบริษัทเอง ภายใต้เครื่องหมายการค้า SUN เช่น SUNMUM (กลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก), SUNBIO (กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม), Fresh&Fresh (กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน) และ SUNPRODUCTS (กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกทั่วไป) อื่นๆ ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น และพัฒนาให้เป็นของใช้ในครัวเรือนที่ครบวงจรและมีความหลากหลายในการใช้งาน โดยทำการตลาดผ่านหลายช่องทาง ทั้งทาง social media (เช่น facebook), website “sunmumshopping.com” และงานแสดงสินค้า เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ผลให้รายได้กลุ่มแบรนด์ SUN ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มจากไตรมาส 1/2562 ร้อยละ 11.7 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ (compostable product) ทั้งการพัฒนาด้านราคาและอายุการใช้งานเพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนไป โดยรวมแล้วกลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ทั้งถุงและหลอด มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2562 ร้อยละ 16.7 ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลงร้อยละ 0.49 เทียบกับไตรมาส 1/2562 สาเหตุหลักมาจาก ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงร้อยละ 3.4 ต้นทุนขายลดลงร้อยละ 0.4 เนื่องจากบริษัทฯ สามารถจัดการบริหารเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ต้นทุนขายลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.4 เทียบกับไตรมาส 1/2562 เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย อัตรากำไรขั้นต้นประจำไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ร้อยละ 22.75 ของยอดขาย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.08 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 จากต้นทุนขายที่ลดลงตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid 19 ส่งผลให้หลายประเทศทั้งยุโรปและเอเชียมีคำสั่งปิดประเทศชั่วคราว ส่งผลต่อคำสั่งซื้อบางส่วนในไตรมาสสอง ซึ่งบริษัทได้ติดตาม วางแผนรองรับ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ปีนี้ได้ตามแผนที่วางไว้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ