กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--พลังงานบริสุทธิ์
EA ประเดิมไตรมาสแรกด้วยรายได้ 4,761 ล้านบาท สูงขึ้น 54% โดยมีกำไรสุทธิ 1,452 ล้านบาท สูงขึ้น 20% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแดดและลม เต็มกำลังผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ ส่วนธุรกิจไบโอดีเซลรายได้โตขึ้นกว่าเท่าตัวหลังจากกระทรวงพลังงานส่งเสริมให้ใช้ B10 ด้าน "อมร ทรัพย์ทวีกุล" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลุ้นผลงานปีนี้สร้างรายได้เพิ่มด้วยธุรกิจใหม่จากผลิตภัณฑ์ Bio-PCM แนวโน้มสดใส
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส1/2563 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563) มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 3,088 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในส่วนของบริษัทอยู่ที่ 1,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,211 ล้านบาท ปัจจัยที่สนับสนุนให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ประการแรกคือ การรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ โดยในไตรมาส 1/2563 หน่วยการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากโครงการหนุมาน โรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 260 เมกะวัตต์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ ที่เริ่มทยอยผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของปีก่อน เมื่อเปรียบเทียบกับปีนี้ ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังตลอดไตรมาส จึงสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 362% ประกอบกับโครงการหาดกังหัน โรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 126 เมกะวัตต์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 14% จากการที่พื้นที่ดังกล่าวมีกระแสลมแรงตลอดไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 แห่ง ที่มีกำลังการผลิตรวมกัน 278 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าได้ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ประการที่สอง รายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล มีการเติบโตที่สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 120% อันเป็นผลมาจากราคาขายน้ำมันไบโอดีเซลที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันปาล์มดิบที่เป็นวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากการที่ภาครัฐส่งเสริมการใช้น้ำมัน B10 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาทำให้เกิดความต้องการเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้องมีการปรับคุณสมบัติของ B100 เพื่อให้นำไปใช้เป็น B10 ได้ จึงทำให้ราคาขายขยับสูงขึ้น
"ภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้แม้ว่าในปลายไตรมาสจะเริ่มมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้คาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/63 ผลการดำเนินงานจากสายธุรกิจไบโอดีเซล จะมีแนวโน้มที่ลดลงจากปริมาณการจำหน่ายที่แปรตามการเดินทางที่ลดลงจากมาตรการของภาครัฐเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ส่วนการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ Bio-PCM จะมีสัญญาณที่ดี โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายในช่วงกลางปีอย่างไรก็ตาม ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องเลื่อนการผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 เนื่องจากลูกค้าหลักซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถยนต์สาธารณะในบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิได้รับผลกระทบ จึงมีการปรับเลื่อนระยะเวลาการผลิตและส่งมอบออกไปเป็นช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้าไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่อย่างใด"
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเริ่มเน้นศึกษาโครงการ Biomass และ Biogas มากขึ้น และเพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่อีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท อีเอเวสท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (EA Waste Management Co., Ltd.) หรือ EWM เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะรวมถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะ และ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (Absolute Assembly Co., Ltd.) หรือ AAB เพื่อดำเนินธุรกิจในการผลิต ประกอบยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ซึ่งจะได้เปิดเผยความคืบหน้าต่างๆ ให้ทราบต่อไป