กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานในช่วงวันที่ 14 พ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน (17 พ.ค. 63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 11 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ พิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และนครราชสีมา ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ สิงห์บุรี และชัยนาท ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวม 26 อำเภอ 50 ตำบล 130 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1,293 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดนำความชื้นปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและ ลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 14 พ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน (17 พ.ค. 63) ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 11 จังหวัด รวม 26 อำเภอ 50 ตำบล 130 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1,293 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ พิษณุโลก รวม 3 อำเภอ 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 479 หลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และนครราชสีมา รวม 13 อำเภอ 19 ตำบล 41 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 273 หลัง ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ สิงห์บุรี และชัยนาท รวม 8 อำเภอ 23 ตำบล 58 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 451 หลังภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวม 2 อำเภอ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 90 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิตตามระเบียบหลักเกณฑ์ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป