SGP ปรับกลยุทธ์สู้โควิด-19 นำเข้าน้ำมันดีเซลขายกลุ่ม CLMV บุ๊คงบ Q1/63 มีรายได้ 16,507 ลบ. กำไรกว่า 475 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 18, 2020 15:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--IR PLUS SGP ปรับแผนสู้โควิด-19 เตรียมทำธุรกิจใหม่นำเข้าและจำหน่ายน้ำมันดีเซล ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ถือเป็นจังหวะที่ดี หลังผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของสิงคโปร์ที่เป็นเจ้าตลาดใน CLMV ล้มละลาย SGP จึงเตรียมนำเข้าน้ำมันดีเซล ไปจำหน่ายแทน เพื่อกระจายฐานรายได้และทดแทนการขาย LPG ล่าสุดประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ทำรายได้ 16,507.05 ล้านบาท มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 475.20 ล้านบาท นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า กรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ขยายตัวเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา มีผลทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร และศูนย์การค้า ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศมีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส มีผลกดดันต่อปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังเดือนมีนาคม 2563 โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ขยายไปยังธุรกิจใหม่ คือ การนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันดีเซล ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากมองว่าเป็นจังหวะที่ดี หลังผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศสิงคโปร์ ที่เป็นเจ้าตลาดใน CLMV ล้มละลาย บริษัทฯจึงนำเข้าน้ำมันดีเซลไปจำหน่ายแทน เพื่อกระจายฐานรายได้ จากปัจจุบันประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งได้รับผลกระทบการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มโรงแรม ศูนย์การค้า โรงงานอุตสาหกรรม ปิดดำเนินธุรกิจชั่วคราว ก่อนหน้านี้บริษัทได้ซื้อบริษัท ไทยพับลิคพอร์ต จำกัด หรือ TPP เมื่อปลายเดือนมกราคม 2563 ซึ่งให้บริการคลังเก็บสินค้าเหลว ซึ่งปัจจุบันมีคลังเก็บที่ยังคงว่างอยู่จำนวน 2 ถัง จึงนำมาใช้เก็บน้ำมันดีเซล เพื่อนำไปจำหน่ายต่อในกลุ่มประเทศ CLMV ได้ ขณะนี้บริษัทได้นำเข้าน้ำมันดีเซลมาแล้ว โดยล็อตแรกมีปริมาณ 40 ล้านลิตร ซึ่งอยู่ระหว่างการสูบถ่ายจากเรือน้ำมันเข้ามาเก็บไว้ในถังเก็บ โดยเมื่อแล้วเสร็จน้ำมันดีเซลดังกล่าวจะถูกส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ต่อไป ล่าสุดประกาศผลประกอบการในงวดไตรมาส 1 ปี 2563 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 475.20 ล้านบาท ลดลง 84.84 ล้านบาท หรือลดลง 15.15% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 560.04 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 16,507.05 ล้านบาท ลดลง 1,141.64 ล้านบาท หรือลดลง 6.47% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 17,648.69 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการขายก๊าซ LPG ทั้งในประเทศและต่างประเทศปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.23 ในส่วนของภาวะราคาเฉลี่ยก๊าซ LPG ตลาดโลก มีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากเดือนมกราคม 2563 ที่ระดับ 577.5 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 235 เหรียญสหรัฐต่อตันในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิท-19 แต่สำหรับในเดือนพฤษภาคมราคาเฉลี่ยก๊าซ LPG เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 105 เหรียญสหรัฐต่อตัน อยู่ที่ 340 เหรียญสหรัฐต่อตัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ