![บีโอไอผนึกแบงก์รัฐ แจงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการบรรเทาผลกระทบโควิด-19]()
กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
บีโอไอ ผนึก 2 ธนาคารรัฐจัดสัมมนาออนไลน์ “ทางออก
SMEs ไทย ฝ่าวิกฤติ
โควิด-19” เพิ่มโอกาสการเข้าถึง
มาตรการช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต
โควิด-19
นางสาว
ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (
บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ
โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (
SMEs) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศ และเป็นกิจการที่
บีโอไอให้ความสำคัญและส่งเสริมมาโดยตลอด โดยกว่าร้อยละ 60 ของโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในแต่ละปีเป็นธุรกิจ
SMEs
ในโอกาสนี้เพื่อเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ
SMEs เข้าถึง
มาตรการช่วยเหลือต่างๆ ทั้งในส่วนของ
บีโอไอและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จึงได้จัดสัมมนาออนไลน์ (Webinar) เรื่อง “ทางออก
SMEs ไทย ภายใต้วิกฤต
โควิด-19” ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2563 เวลา 13.30 - 15.00 น. โดยจะมีการบรรยายเกี่ยวกับ
มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งในส่วนของ
บีโอไอ และการสนับสนุนด้านสินเชื่อของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และ
มาตรการช่วยเหลือ SMEs ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย คาดว่าจะมีผู้ร่วมการสัมมนา จำนวน 200 คน ซึ่งสามารถลงทะเบียนผ่านลิงก์เสวนาออนไลน์ได้ที่ https://www.eventpassinsight.co/mobile/registration/create/tbiw1
ทั้งนี้ ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ
SMEs ไทย
บีโอไอได้มีมาตรการให้สิทธิประโยชน์และผ่อนปรนเงื่อนไขเป็นพิเศษต่างจากกิจการทั่วไป ตั้งแต่วงเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับโครงการที่จะมาขอรับการส่งเสริมการลงทุน เพียง 500,000 บาท (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน) การเพิ่มวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่าจากเกณฑ์ปกติทั่วไป สำหรับกลุ่มกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 - 8 ปี (กลุ่ม A) รวมทั้งอนุญาตให้นำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับกิจการบางประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้
SMEs สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของ
บีโอไอได้ง่ายขึ้น รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่กิจการ
SMEs กรณีมีที่ตั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัด
ผู้ประกอบการที่เข้าข่ายเป็น
SMEs ตามมาตรการนี้ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี และต้องยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในปี 2564