กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--กรมวิชาการเกษตร
ระยะนี้จะมีฝนตกและฝนตกหนักบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ภาคใต้เฝ้าระวังการระบาดของโรคใบไหม้ จะสามารถพบได้ในระยะต้นกล้า โดยในช่วง 1 ปีแรกหลังลงแปลงปลูก มักพบอาการของโรคบนใบอ่อน ซึ่งส่วนมากจะเป็นช่วงที่ใบเริ่มคลี่ อาการเริ่มแรกจะเกิดจุดเล็กๆ สีเหลืองโปร่งใสกระจายทั่วใบ ต่อมาแผลขยายขนาดและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลมีวงสีเหลืองล้อมรอบ เมื่อแผลเจริญเต็มที่จะมีรูปร่างกลมรีสีน้ำตาลดำ บุ๋มตรงกลาง ขอบแผลนูนเป็นมัน หากระบาดรุนแรงแผลจะขยายรวมกัน ทำให้ใบไหม้แห้ง ม้วนงอ และเปราะฉีกขาดง่าย มีผลให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต ถ้าอาการรุนแรงมากอาจทำให้ต้นกล้าตาย
เกษตรกรควรใส่ปุ๋ยบำรุงให้ต้นกล้าแข็งแรง และสังเกตใบอ่อนของต้นกล้าซึ่งเป็นส่วนที่ง่ายต่อการเข้าทำลายของเชื้อรา หากพบใบเป็นโรคเล็กน้อย ให้ตัดส่วนที่เป็นโรคออกไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก สำหรับต้นที่เป็นโรครุนแรง ต้องนำออกจากแปลงเพาะเพื่อกำจัดแหล่งสะสมของเชื้อราสาเหตุโรค หากพบโรคยังคงระบาดอยู่ ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารแมนโคเซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอะซอกซีสโตรบิน+ไดฟีโนโคนาโซล 20%+12.5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไทแรม 80% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารแคปแทน 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 7 วัน โดยไม่พ่นสารชนิดเดียวต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรสลับชนิดสารเพื่อป้องกันเชื้อต้านทานสารเคมี และงดการให้น้ำด้วยระบบพ่นฝอย โดยเปลี่ยนมาเป็นใช้ระบบน้ำหยดหรือใช้คนรดน้ำแทน