กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--แมสคอท คอมมิวนิเคชั่น
ปัญหาของผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือโรคอ้วนส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ตามมา ในปัจจุบันที่ยังมีการระบาดของไวรัส COVID-19 ยังไม่มีข้อมูลสรุปแน่ชัดว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนมีโอกาสติดเชื้อไวรัส นี้ได้มากกว่าคนทั่วไปหรือไม่ แต่ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถคุมน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่ปกติได้ เมื่อติดเชื้อ แล้วมีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงหรือมีผลข้างเคียงได้มากกว่าคนปกติ การรู้เท่าทันความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักอยู่เสมอ
นพ.โองการ สาระสมบัติ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วนที่มีโรคร่วม ยิ่งมีโรคร่วมมากเท่าใดก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะมีผลข้างเคียงหากติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้มากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่าง ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลได้ ซึ่งมักจะมีโรคร่วมอื่นๆ ด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน หรือมีโรคที่เป็นผลข้างเคียงจากเบาหวานร่วมด้วย เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจ ผู้ป่วยเหล่านี้เมื่อได้รับเชื้อมีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรง โดยผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดีมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 เนื่องจากระดับน้ำตาลที่สูงกว่าค่าปกติ จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานลดลง ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ไม่ดี ไวรัสสามารถเติบโตและกระจายตัวได้ง่ายขึ้น ปฏิกิริยาการอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้การควบคุมเบาหวานทำได้แย่ลง ร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อต้านไวรัสและเกิดการอักเสบ ปฏิกิริยาการอักเสบจะยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับ อายุ ระดับน้ำตาลในเลือด โรคร่วม หรือผลข้างเคียงจากโรคเบาหวานที่ผู้ป่วยเป็น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2
ผู้ป่วยโรคอ้วนมักจะมีโรคร่วมหรือผลข้างเคียงจากโรคอ้วนร่วมด้วยเสมอ ซึ่งถ้ามีการติดเชื้อไวรัส COVID-19 มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงคล้ายคลึงกับโรคเบาหวาน คนที่มีโรคอ้วน โดยเฉพาะคนที่มีดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) สูง อาจมีผลทำให้การขยายตัวของปอดทำได้จำกัด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อไวรัสที่ปอด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผู้ป่วยโรคอ้วนมีอาการป่วยหนักและต้องเข้ารักษาในห้องภาวะวิกฤติ (ICU) อาจจะมีปัญหาในการใส่ท่อช่วยหายใจ หรือการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่อาจจำกัดขนาดและน้ำหนักของผู้ป่วยอีกด้วย
วิธีดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยโรคอ้วน นอกจากการล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการจับใบหน้า หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส COVID-19 และการพยายามเว้นระยะห่างทางสังคมแล้ว ควรหมั่นดูแลตัวเองดังนี้ 1) คุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ วัดระดับน้ำตาลปลายนิ้วอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแล 2) ดูแลสุขภาพกายใจ ผู้ป่วยเบาหวานควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ถูกสุขอนามัย และลดความเครียด การมีสุขภาพกายและใจที่ดีจะเป็นส่วนช่วยในการป้องกันการติดเชื้อได้อีกทางหนึ่ง 3) ดื่มน้ำแต่ละวันให้ได้ปริมาณที่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานหากขาดน้ำจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดยิ่งสูงขึ้น 4) เตรียมอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต) ให้เพียงพอที่บ้าน เนื่องจากในกรณีที่เกิดภาวะน้ำตาลต่ำจะสามารถแก้ไขระดับน้ำตาลได้ทันที 5) เตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอ โดยเฉพาะในกรณีที่จำเป็นต้องกักกัน (Quarantine) ตัวเองอยู่ที่บ้าน 2 - 3 สัปดาห์ 6) บันทึกเบอร์โทรศัพท์สำคัญ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาล ของแพทย์ที่ทำการรักษา เพื่อให้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทันทีในกรณีฉุกเฉิน และควรให้คนใกล้ชิดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย 7) หมั่นสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้ หายใจหอบเหนื่อย ไอ น้ำมูก เจ็บคอควรปรึกษาแพทย์ทันที นอกจากนี้หากมีอาการที่เป็นผลจากระดับน้ำตาลที่ผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น มือสั่น มึนงง เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน ความรู้สึกตัวลดลง หรือวัดระดับน้ำตาลที่บ้านแล้วค่าระดับน้ำตาลต่ำหรือสูงกว่าภาวะปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว รพ.กรุงเทพ ขอร่วมฝ่าฟันสถานการณ์ COVID-19 นี้ไปพร้อมกับทุกท่าน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ โทร 0 2755 1129-30