กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--ไทยวา
TWPC คาดการณ์แนวโน้มไตรมาส2/2563 มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์ผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19คลี่คลาย โดยเฉพาะการส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังไปประเทศจีน ปัจจุบัน เริ่มมีออเดอร์กลับมาแล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก ฟาก "โฮ เรน ฮวา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจภาพรวมครึ่งปีแรกจะเติบโตได้จากปีก่อน อานิสงส์รับรู้รายได้จากกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่ม พร้อมคงเป้างบลงทุน 1 พันล้านบาท
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมีสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID ) เริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมีสัญญาณที่ดี รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป มียอดขายเพิ่มขึ้น และในไตรมาส2/2563 จะทยอยรับรู้กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ออกจำหน่าย ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนให้ยอดขายรวมเติบโตมากขึ้น
"ภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรกน่าจะยังเติบโตได้หากเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน แม้จะต้องเผชิญผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทฯ เริ่มฟื้นตัวแล้ว ขณะที่ตลาดประเทศอื่น ๆมี ทิศทางดีเช่นกัน ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ในไตรมาส 2 จะรับรู้สินค้าใหม่ แม้จะมีสัดส่วนไม่มากแต่ก็จะช่วยสนับสนุนยอดขายได้เป็นอย่างดี" นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทฯยังมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทฯได้จัดตั้งบริษัท ไทยวา อินโดนีเซีย จำกัด เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากแป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าว และอาหารจากแป้งอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการเติบโตของปริมาณการขายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงวางงบลงทุนรวมไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายในอีก 2 ปี เพื่อรองรับการขยายธุรกิจหรือต่อยอดจากธุรกิจเดิม รวมถึงการซื้อกิจการที่เชื่อมโยงกับ Core Business ของบริษัทฯ ทั้งในและต่างประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ระบาดทั่วโลก บริษัทฯได้ทบทวนแผนเพื่อชะลอการลงทุนบางส่วนออกไป แต่บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและอาหารจากแป้งระดับภูมิภาคเอเชียในอนาคต
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2563 (สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2563) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,550 ล้านบาท