กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ผ่านการดำเนินงานของ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ แนะปลูกต้นอ่อนผักบุ้ง ซึ่งสามารถเก็บรับประทานได้ในครัวเรือนภายใน 10 วัน นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ วว. ได้นำผลสำเร็จของงานวิจัยและพัฒนาด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาสร้างทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ ช่วยชาติ” และร่วมมือในการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“ผักบุ้ง” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea aquatic Forssk หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ผักทอดยอด” ในผักบุ้ง 100 กรัม จะให้พลังงาน 22 กิโลแคลอรี มีคุณค่าโภชนาการ ประกอบด้วย เส้นใย วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น โดยผักบุ้งไทยจะมีวิตามินซีสูงและมีสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งจีน แต่จะมีแคลเซียมและเบตาแคโรทีน (มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา) น้อยกว่าผักบุ้งจีน หากรับประทานผักบุ้งสดๆ ที่ปลอดจากสารเคมี จะได้คุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุสูง ทั้งนี้ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักบุ้ง เพราะผักบุ้งมีคุณสมบัติไปช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งจะทำให้ความดันยิ่งต่ำลงไป อาจจะก่อให้เกิดอาการเป็นตะคริวได้ง่ายและบ่อยขึ้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอได้
สรรพคุณของผักบุ้งมีหลากหลาย อาทิ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส มีน้ำมีนวล มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ความแก่ชรา และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยป้องกันการเกิดหรือลดอัตราการเกิดของโรคมะเร็งได้ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น
ในตำราโบราณ ต้นสดของผักบุ้งจะนำมาใช้เป็นยาดับร้อน แก้อาการร้อนใน บำรุงโลหิต บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในด้านความจำและการเรียนรู้ให้ดีขึ้น ยอดผักบุ้งช่วยแก้โรคประสาท รากผักบุ้งช่วยแก้อาการเหงื่อออกมาก มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานช่วยแก้อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แก้อาการไอเรื้อรัง แก้โรคหืด เป็นต้น
สำหรับการปลูกต้นอ่อนผักบุ้ง ที่สามารถเก็บมารับประทานได้หรือนำไปจำหน่ายได้ภายใน 10 วัน เริ่มต้นด้วยการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ได้แก่ 1.เมล็ดผักบุ้งหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หรือร้านค้าจำหน่ายวัสดุการเกษตร 2.ดินผสมพร้อมปลูก 3.กะบะ/กระถาง หรือตะกร้าปลูก ขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ 4.ผ้าขนหนู และ5.น้ำ
สำหรับวิธีการปลูกต้นอ่อนผักบุ้ง มีดังนี้
แช่เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในน้ำ 6 ชั่วโมง จากนั้นนำขึ้นมาผึ่งทิ้งไว้ 10 นาทีโรยเมล็ดลงบนดินผสมไม่หนาแน่นจนเกินไปและโรยดินกลบ ความหนาเท่ากับเมล็ดหรือโรยเมล็ดหนา 1 ชั้นลงบนผ้าขนหนูที่วางบนตะกร้า แล้วนำผ้าปิดด้านบนเมล็ดปิดคลุมเมล็กดที่เพาะให้มิด รดน้ำเป็นละอองฝอยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เป็นเวลา 8-9 วัน โดยระวังไม่ให้ดินแฉะหรือแห้งจนเกินไปเมื่ออายุครบ 5 วัน ให้เปิดวัสดุที่ปิดคลุมออก จะเห็นต้นอ่อนมีสีเหลืองเมื่ออายุครบ 6 วัน ให้นำออกมารับแสง เพื่อสร้างคลอโรฟิลล์ สร้างใบ และยอดอ่อนสีเขียวอายุ 9-10 วัน สามารถเก็บต้นอ่อนผักบุ้งไปบริโภคหรือจำหน่ายได้
การปลูกต้นอ่อนผักบุ้ง ตามวิธีการที่ วว. นำมาแนะนำดังกล่าว สามารถปรับลดขนาดได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ที่ท่านมี ซึ่งจะทำให้ได้ผักสำหรับรับประทานที่ปลอดจากสารเคมี มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยประหยัดรายจ่าย และช่วยเพิ่มรายได้ในครัวเรือนสำหรับท่านที่สนใจนำไปประกอบอาชีพต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับคำแนะนำปรึกษาได้ที่ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. โทร. 0 2577 9000 โทรสาร 0 2577 9009 ในวันและเวลาราชการ E-mail : tistr@tistr.or.th