![กระทรวงเกษตรฯ ยืนยัน ทุกขั้นตอนเยียวยาเกษตรกรโปร่งใส ยันดำเนินการตามมติ ครม. และหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ]()
กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นาย
อนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามมติ
ครม. เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 เห็นชอบให้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยา
เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีกรอบเยียวยาไม่เกิน 10 ล้านราย รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม - กรกฎาคม 2563 โดยจ่ายเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งตามมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบ
เกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ ให้มีความถูกต้องครบถ้วน รวมถึงต้องไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายตามมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และผู้ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการบำนาญของกรมบัญชีกลาง และระบบประกันสังคมของสำนักงานประกันสังคมเพื่อให้ความช่วยเหลือภายใต้มาตราการต่าง ๆ ของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของการลงทะเบียนรับการช่วยเหลือเยียวยานั้น มี
เกษตรกรกลุ่มแรกที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 8.33 ล้านราย แต่ภายหลังจากการตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับทะเบียนฐานประกันสังคม โครงการเราไม่ทิ้งกัน และทะเบียนข้าราชการบำนาญ ทำให้คงเหลือ
เกษตรกรที่มีคุณสมบัติได้รับเงินเยียวยา จำนวน 7.77 ล้านราย โดยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือ
เกษตรกรในครั้งที่ 1 ธ.ก.ส. ได้โอนเงินช่วยเหลือ
เกษตรกร ระหว่างวันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 3.22 ล้านราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16,114.76 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเงินจนครบจำนวน
เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล
เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการรับขึ้นทะเบียนตามที่หน่วยงานกำหนด และนำมาคัดกรองความซ้ำซ้อนกับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชน และตรวจสอบกับผู้ที่ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการบำนาญ และระบบประกันสังคม และเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งข้อมูล
เกษตรกรครั้งที่ 2 ให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 3.43 ล้านราย เพื่อดำเนินการจ่ายเงิน โดยคาดว่า ธ.ก.ส. จะสามารถโอนเงินเข้าบัญชี
เกษตรกรในระหว่างวันที่ 22 – 29 พฤษภาคม นี้
สำหรับในครั้งที่ 3 กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งข้อมูล
เกษตรกร จำนวน 0.70 ล้านราย ให้กระทรวงการคลังเพื่อให้ คัดกรองและตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชน และตรวจสอบกับผู้ที่ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการบำนาญ และระบบประกันสังคม และยังมี
เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมจำนวนประมาณ 1.6 ล้านราย ซึ่ง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้รวบรวมและส่งข้อมูลให้กระทรวงการคลัง ต่อไป
ในส่วนของ
เกษตรกรที่อยู่ระหว่างปรับปรุงและตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง จึงยังไม่สามารถเริ่มต้นการเพาะปลูกในฤดูการผลิต 2563/2564 ได้ ซึ่งได้กำหนดสิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบ และจะส่งให้กระทรวงการคลังตรวจสอบและคัดกรอง เพื่อจะได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน โดยจะขออนุมัติเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเพียงงวดเดียว รายละ 15,000 บาท ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2563 โดยคาดว่าจะมี
เกษตรกรรายใหม่ จำนวนประมาณ 120,000 ราย ซึ่ง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะตรวจแปลงดำเนินการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2563
“สำหรับในส่วนของข้าราชการที่อยู่ในทะเบียน
เกษตรกรด้วย กระทรวงเกษตรฯ ได้หารือกับคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนว่า ข้าราชการไม่ควรได้รับการเยียวยาในส่วนนี้ โดยจะต้องมีการซักซ้อมทำความเข้าใจถึงวิธีการปฏิบัติ และความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง และคาดว่าจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุม
ครม. ต่อไป อย่างไรก็ตาม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพี่น้อง
เกษตรกรทุกท่านเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ข่าวประชาสัมพันธ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทันตามกำหนดเวลา ภายใต้มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพไม่ซ้ำซ้อนเพราะเป็นโครงการที่ใช้เงินกู้ จึงต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง ครบถ้วนที่สุด และเป็นไปตามมติ
ครม.อย่างเคร่งครัดต่อไป” นายอนันต์ กล่าว