กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานในช่วงวันที่ 23 พ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน (29 พ.ค. 63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 16 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา และกาฬสินธุ์ ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท และสระบุรี รวม 35 อำเภอ 72 ตำบล 129 หมู่บ้านบ้านเรือนเสียหาย 724 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 2 คน ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในช่วงวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (29 พ.ค. 63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 16 จังหวัด รวม 35 อำเภอ 72 ตำบล 129 หมู่บ้านบ้านเรือนเสียหาย 724 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย (อำนาจเจริญ และนครสวรรค์) แยกเป็น ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา และกาฬสินธุ์ ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท และสระบุรี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป