กรุงเทพฯ--1 มิ.ย.--บลจ.กสิกรไทย
บลจ.กสิกรไทย เสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6MP ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFF6MP-AI) ชูผลตอบแทน 1.30% ต่อปี แนะผู้ลงทุนพักเงินลงทุนระยะสั้นกับกองทุน Term Fund เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนประเภทอื่นต่อไป กำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 2 - 8 มิ.ย.นี้
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6MP ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFF6MP-AI) ประมาณการผลตอบแทน 1.30% ต่อปี โดยมีกำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 2 – 8 มิถุนายน 2563
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า
กองทุน KFF6MP-AI เป็นกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term
Fund) ประมาณ 6 เดือน และมีการลงทุนแบบกระจุกตัว
จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น โดยผู้ลงทุนต้องที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุน
และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ อย่างไรก็ดี ตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนล้วนเป็นตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้
(Investment
Grade) ซึ่งที่ผ่านมากองทุน Term
Fund ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้
(Default) ดังนั้น
ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ
ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ ทั้งนี้
คาดว่ากองทุนจะเข้าลงทุนในเงินฝาก Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
และเงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย)
รวมถึงเงินฝาก Doha
Bank, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, เงินฝาก
AI Khalij Commercial Bank และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) โดยกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 ในประเทศจีนสามารถควบคุมได้ดีและคลี่คลายแล้ว โดยทางรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการอัดฉีดทั้งทางการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบ ในขณะที่ยังมีปัจจัยกดดันอุปสงค์จากภายนอก โดยเฉพาะสหรัฐฯ
ที่กลับมามีประเด็นความขัดแย้งกันอีกครั้ง รวมถึงแนวโน้มผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19
ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว
ธนาคารกลางของประเทศแกนหลักต่างยังส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ใกล้ศูนย์ต่อไป
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาด และมาตรการการเงินการคลังที่ออกมาจะช่วยลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด
ดังนั้น ในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวนอยู่ค่อนข้างสูง กองทุน Term Fund จึงตอบโจทย์ผู้ลงทุนในเวลานี้เพื่อเป็นการพักเงินลงทุนในระยะสั้น และรอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนประเภทอื่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม
สำหรับผู้ที่รอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนประเภทอื่นยังคงต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น” นายนาวินกล่าว