กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก ประเมินดัชนีแกว่งตัว Sideway Up หลังปลดล็อกดาวน์เฟส3 พร้อมจับตามีลุ้นปลดล็อคเฟส 4 เร็วๆนี้ หลังสถานการณ์โควิค-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับล่าสุด พ.ร.ก. กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ผ่านฉลุย ขณะที่กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอจัดตั้งกองทุน 5 หมื่นล้านบาท อุ้มกลุ่มSME ด้านฝ่ายวิจัยประเมินการเคลื่อนไหวดัชนีในกรอบ 1,330 - 1,385 จุด พร้อมแนะดักทางหุ้นที่ได้อานิสงส์ มาตรการผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 ชู SPA-MAJOR-CRC-CPN-SF-HMPRO น่าจับตา
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากการผ่อนคลาย Lockdown ต่อเนื่อง หลังจากพบจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 น้อยลง และมีแนวโน้มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็มีโอกาสเห็นการผ่อนคลายต่อเนื่องในเฟส 4
ในขณะเดียวกัน ล่าสุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ก. กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ประกอบกับกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมครม.อนุมัติจัดตั้งกองทุน 5 หมื่นล้านบาทช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่เข้าไม่ถึง Soft Loan ซึ่งก็จะส่งผลในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจการลงทุน พร้อมทั้งนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นหลังจากกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลง และความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากหลายประเทศทยอยปลดล็อกดาวน์ ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ในระดับ 1,330 -1,385 จุด
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ อาทิ การชุมนุมประท้วงในฮ่องกง แม้กระทบกับประเทศไทยโดยตรงไม่มาก แต่เป็นความกังวลว่าอาจจะนำไปการปะทุครั้งใหม่ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งเหตุจลาจลในสหรัฐอเมริกาหากมีการขยายวงกว้างและยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และปัจจัยภายในประเทศจากความไม่แน่นอนของเสถียรภาพการเมือง ปัญหาภัยแล้งในประเทศที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ และกำลังซื้อของเกษตรกร
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค. ของจีนในวันที่ 3 มิ.ย. เช่นเดียวกับอียู ที่จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค. อัตราว่างงานเดือนเม.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. ร่วมทั้งสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
ส่วนวันที่ 4 มิ.ย. ทางกระทรวงพาณิชย์ แถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ ขณะที่ในต่างประเทศทางอียูจะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย รวมทั้ง สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดุลการค้าเดือนเม.ย.
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการปลดล็อคเฟส3 ครั้งนี้ ทำให้หุ้นที่น่าจับตาซึ่งจะได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย อาทิ SPA , MAJOR , CRC , CPN, SF และ HMPRO
ขณะที่ราคาทองคำขณะนี้ ได้แรงบวกจากกรณีที่สหรัฐตัดสิทธิพิเศษฮ่องกงหลังจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เพื่อปกครองฮ่องกง นอกจากนี้เกิดการจลาจลในสหรัฐกว่า 50 เมือง หลังชายผิวดำเสียชีวิตขณะที่ตำรวจผิวขาวเข้าจับกุมส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าและหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ทางฝ่ายวิจัย คาดว่าราคาทองคำจะผันผวนในกรอบ 1,715 - 1,760 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ 25,790-26,530 บาทต่อบาททองคำ โดยเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวและขายทำกำไรที่แนวต้าน