![กยท. จัดพิธีรับมอบคู่มือ FSC เล่มแรกในไทย พร้อมส่งไม้ต่อสู่เกษตรกร เตรียมเพิ่มเป้าขยายสวนยางมาตรฐาน FSC ทั่วประเทศ]()
กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--การยางแห่งประเทศไทย
กยท. จัดพิธีรับมอบ “คู่มือการรับรองการจัดการ
ป่าไม้ตามมาตรฐาน Forest Stewardship Council (FSC) สำหรับ
สวนยางพาราในประเทศไทย” คู่มือเล่มแรกในไทย จาก สกสว. และ ภาควิชาการจัดการ
ป่าไม้ ม.เกษตรศาสตร์ เพื่อส่งไม้ต่อชาวสวนยาง เน้น ยกระดับมาตรฐานสวนยางทั้งประเทศ ณ ห้องประชุมรัษฎา อาคาร 2 ชั้น 2 การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านธุรกิจและปฏิบัติการ เผยที่มาของการจัดงานในครั้งนี้ว่า การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มองว่าในอนาคตทั่วโลกจะให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ผลิตจากผลผลิตของ
สวนยางพาราทั้งไม้และน้ำยางพาราที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล เช่น ต้องมีการจัดการที่ดี ถูกกฎหมาย หรือ ไม่บุกรุกป่าธรรมชาติ เป็นต้น กลุ่มองค์กรเอกชนทั่วโลกจึงได้จัดตั้งองค์กร FSC : Forest Stewardship Council เพื่อกำหนดมาตรฐานในการจัดการ
ป่าไม้อย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก กยท. ได้ดำเนินการตามแผนงานส่งเสริมการทำสวนยางตามมาตรฐานฯ ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อสร้างมาตรฐานสวนยางของไทย เข้าสู่ระบบการจัดการ
ป่าไม้อย่างยั่งยืนตามหลักสากล โดยปี 2563 จะดำเนินการนำร่องในพื้นที่กองจัดการสวนยาง 1 เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ จำนวน 8,050 ไร่ และเปิดรับสมัคร
เกษตรกรชาวสวนยางที่ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, ตรัง, กระบี่, พัทลุง, สงขลา และสตูล คิดเป็นจำนวนพื้นที่รวม 155,000 ไร่ และวางเป้าหมายในปี 2564 ว่าต้องการขยายการสร้างมาตรฐานสวนยางให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเปิดรับสมัคร
เกษตรกรชาวสวนยางเข้าร่วมโครงการอีก โดยเพิ่มพื้นที่อีก 237,000 ไร่
“กยท. ได้รับมอบคู่มือฯ จาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และภาควิชาการจัดการ
ป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจะร่วมผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม คู่มือการรับรองการจัดการ
ป่าไม้ตามมาตรฐาน Forest Stewardship Council (FSC) สำหรับ
สวนยางพาราในประเทศไทย จะถูกถ่ายทอดสู่
เกษตรกรเพื่อยกระดับและพัฒนาอาชีพการทำ
สวนยางพาราของไทยให้มั่นคงยั่งยืนขึ้น”
ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า สกสว. มุ่งสนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างองค์ความรู้ นโยบาย นวัตกรรม รวมทั้งสนับสนุนการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน จึงสนับสนุนโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาคู่มือและศักยภาพของผู้ทำ
สวนยางพารา และผู้ประกอบธุรกิจไม้ยางพาราให้ได้รับการรับรองการจัดการ
ป่าไม้ในระดับนานาชาติ” ได้ผลงานจากการวิจัยที่สำคัญ คือ “คู่มือการรับรองการจัดการ
ป่าไม้ตามมาตรฐาน Forest Stewardship Council (FSC) สำหรับ
สวนยางพาราในประเทศไทย” นับเป็นคู่มือฉบับแรกของไทยที่เป็นผลผลิตจากการวิจัยตามหลักวิชาการและได้ผ่านการนำไปทดลองสร้างการรับรู้ให้กับผู้ทำ
สวนยางพาราและผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้ไม้และน้ำยางพาราในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย
“ผลงานวิจัยชิ้นนี้ จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการรับรองมาตรฐานการจัดการ
สวนยางพาราในระดับสากล อันจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
สวนยางพาราทั้งระบบ รวมทั้ง การสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศคู่ค้า และเพิ่มช่องทางการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก” ผอ.สกสว. กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.ขวัญชัย ดวงสถาพร หัวหน้าโครงการวิจัย ภาควิชาการจัดการ
ป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพื้นที่
สวนยางพาราที่ได้รับการในการส่งสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากประเทศจีน เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และภูมิภาคต่างๆ ที่มีการกำหนดเงื่อนไขนี้แล้วในบางผลิตภัณฑ์ อีกทั้งจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้การส่งออกสินค้าไปประเทศจีนมีอัตราลดลง ดังนั้น คณะนักวิจัยจึงได้พัฒนาคู่มือฉบับนี้ขึ้น ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก สกสว. และขณะทำการวิจัยได้รับการสนับสนุนในการรวบรวมข้อมูลจาก กยท.เป็นอย่างดี โดยคู่มือฉบับนี้จัดเป็นคู่มือการรับรองการจัดการ
ป่าไม้ตามมาตรฐาน FSC ฉบับแรกของประเทศไทยที่เป็นผลผลิตจากการวิจัยตามหลักวิชาการและได้ผ่านการนำไปทดลองสร้างการรับรู้ให้กับผู้ทำ
สวนยางพาราและผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้ไม้และน้ำยางพาราในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อให้เป็นคู่มือที่ เหมาะสม ทันสมัย และ ง่ายต่อการศึกษาด้วยตนเอง จึงถือโอกาสนี้ส่งมอบให้ทาง กยท. เพื่อนำไปเผยแพร่และสร้างการรับรู้ให้กับ
เกษตรกรผู้ทำ
สวนยางพาราในประเทศไทยและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการรับรองมาตรฐานการจัดการ
สวนยางพาราในระดับสากลอันจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
สวนยางพาราทั้งระบบ เช่น การมีผลผลิตที่ยั่งยืน การเพิ่มรายได้ให้
เกษตรกร การพัฒนาอุตสาหกรรมและการค้าที่ใช้ผลผลิตจาก
สวนยางพารา รวมทั้ง การสร้างอำนาจต่อรองของประเทศไทยกับประเทศคู่ค้าเรื่องราคาผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่องทางการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก