![เอ็นไอเอเผยแผนนวัตกรรมเพื่อสังคมลุยฟื้นฟูประเทศปี 64 – 67 หลังวิกฤติสุขภาพทั่วโลก พร้อมโชว์ผปก.สนใจทำนวัตกรรมสังคมเฉียด 900 โครงการ]()
กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
สำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดแผนการขับเคลื่อนงานด้าน
นวัตกรรมสังคมปี 2564 – 2567 พร้อมกำหนด 4 เป้าหมายหลัก คือ ปี 2564 การสร้าง
นวัตกรรมเพื่อสังคมในการ
ฟื้นฟูประเทศจากภาวะวิกฤติ ปี 2565 การพัฒนา
นวัตกรรมเพื่อสังคมสู่ระดับภูมิภาค ปี 2566 การสร้างเครือข่ายและสร้างผลกระทบเชิงสังคม และปี 2567 การพัฒนาระบบนิเวศ
นวัตกรรมเพื่อสังคม นอกจากนี้ ยังปรับแผนการดำเนินงานเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ผ่านหน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคมที่เป็นเครือข่ายร่วมกับ NIA ซึ่งกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมเผย 8 เดือน (ตุลาคม 2562 – พฤษภาคม 2563) มีผู้ยื่นข้อเสนอโครงการ
นวัตกรรมเพื่อสังคมเพื่อขอรับการสนับสนุนจำนวนทั้งสิ้น 871 โครงการ
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงสร้างทางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว NIA จึงได้วางแนวทางการขับเคลื่อนงานด้าน
นวัตกรรมเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับบริบท ของประเทศหรือของโลก โดยอาศัยการมองภาพอนาคตเป็นเครื่องมือในการกำหนดแผนงานด้าน
นวัตกรรมเพื่อสังคม ให้สามารถสร้างผลกระทบเชิงมหภาคที่เป็นรูปธรรมร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในรูปแบบโมเดล Quintuple Helix ที่เชื่อมโยงภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน สามารถสร้างโอกาสทาง
นวัตกรรมเพื่อสังคมที่หลากหลายมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ ได้แก่ ปี 2564 เป็นปีที่จะสร้าง
นวัตกรรมเพื่อสังคมในการ
ฟื้นฟูประเทศจากภาวะวิกฤติ ปี 2565
นวัตกรรมเพื่อสังคมสู่ระดับภูมิภาค ปี 2566 สร้างเครือข่ายและสร้างผลกระทบเชิงสังคม และปี 2567 เป็นการพัฒนาระบบนิเวศ
นวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนได้รับการบ่มเพาะ เชื่อมโยง ส่งเสริม และสนับสนุนอย่างเป็นระบบ จนทำให้ประเทศไทยสามารถแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการนำ
นวัตกรรมเพื่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติ พร้อมทั้งสามารถพัฒนาโครงการที่เกิดผลกระทบเชิงสังคมที่สำคัญในระยะต่อจากนี้ไป
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า การเปิดรับข้อเสนอโครงการ
นวัตกรรมเพื่อสังคมในปีนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2563 มีนวัตกรทั้งที่เป็น ผู้ประกอบการ
นวัตกรรมเพื่อสังคม และวิสาหกิจชุมชน ให้ความสนใจยื่นข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 871 โครงการ แบ่งเป็นโครงการ
นวัตกรรมเพื่อสังคมแบบเปิด โครงการ
นวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน โครงการหมู่บ้าน
นวัตกรรมเพื่อสังคม และผลงาน
นวัตกรรมผ่านหน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคม
“จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 NIA ได้มีการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสัง คมจากภาวะดังกล่าวด้วย
นวัตกรรมเพื่อสังคม ผ่านหน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคมที่เป็นเครือข่ายร่วมกับ NIA ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ 4 หน่วย ได้แก่ หน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคมประจำภาคเหนือตอนบน 1 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ หน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคมประจำภาคเหนือตอนล่าง 1 ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร หน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคมประจำภาคใต้ชายแดน ที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และหน่วยขับเคลื่อน
นวัตกรรมเพื่อสังคมประจำภาคกลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การบริการเข้าถึงชุมชน โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดยากจนของประเทศ กลุ่มประชากรที่เปราะบาง เช่น กลุ่มประชากรที่ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ ชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย ผู้ไม่มีหลักประกันสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน ฟื้นฟู สร้างรายได้และอาชีพใหม่ ตลอดจนส่งเสริมสวัสดิการสังคมแก่ผู้ด้อยโอกาส โดยจะสนับสนุนผลงานที่มีความโดดเด่น และดำเนินการจริงในพื้นที่เป้าหมายผลงานละไม่เกิน 300,000 บาท”
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องอย่างโครงการหมู่บ้าน
นวัตกรรมเพื่อสังคม ในปีนี้มีผู้ที่สนใจและขอรับการสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 78 ผลงาน ใน 3 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ ชุมชนแคนดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 21 ผลงาน ชุมชนท่าเรือ จ.นครพนม จำนวน 38 ผลงาน และชุมชนหนองตะเคียนบอน จ.สระแก้ว จำนวน 19 ผลงาน ทั้งนี้มีผลงานที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับการขึ้นทะเบียนผลงาน
นวัตกรรมเพื่อสัง คมที่พร้อมใช้งาน จำนวนทั้งสิ้น 15 ผลงาน ในด้าน
นวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำและพื้นที่การเกษตร
นวัตกรรมด้านปศุสัตว์ และ
นวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวชุมชน และเมื่อรวมกับผลงาน
นวัตกรรมเพื่อสังคมในปีก่อน ๆ อีก 48 ผลงาน ปัจจุบันในโครงการนี้จึงมีผลงานที่พร้อมใช้งานรวมทั้งสิ้น 63 ผลงาน
อีกหนึ่งโครงการที่ได้รับความสนใจคือโครงการ
นวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน หรือ City & Community Innovation Challenge 2020 ในปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมทั้งสิ้น 412 ราย ได้แก่
นวัตกรรมการจัดการขยะพลาสติก 83 ราย ผ่านการคัดเลือก 38 ราย
นวัตกรรมสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 117 ราย ผ่านการคัดเลือก 52 ราย
นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ 212 ราย ผ่านการคัดเลือก 62 ราย โดยผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 8 ลำดับแรกของแต่ละด้านจะได้รับพิจารณาสนับสนุนโครงการในระยะต่อไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนมิถุนายนปีนี้ สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด หรือสนใจขอรับการส่งเสริมโครงการ
นวัตกรรม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เว็บไซต์ www.nia.or.th และ facebook.com/NIAThailand
![]()
![]()