กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--อินฟราเซท
บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ”หุ้น INSET คาดปี 63 กำไรโต 22% รับอานิสงส์งานประมูล ICT ภาครัฐและเอกชน เริ่มคัมแบ็ค หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น หนุนให้บริษัทฯมีโอกาสได้รับงานเพิ่มเร็วๆนี้ ขณะที่ PER ยังต่ำ 10 เท่า ราคาปัจจุบันมี Upside และ Yield สูง เมื่อเทียบคู่แข่งในตลาด แถม Backlog ยังแน่นกว่า 2 พันล้านบาท
บริษัทเอเชีย พลัส จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้นบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) (INSET) โดยแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 4.18 บาท อิง PER 16 เท่า สูงกว่า คู่แข่งที่มีลักษณะธุรกิจคล้ายคลึงกัน จากความสามารถรับงานหลากหลายกว่า กอปรกับ ราคาปัจจุบันมี Upside และ Yield สูง และมี PER63 ต่ำ 9.8 เท่า
ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญล่าสุดอยู่ที่การที่เริ่มเห็นงานประมูล ICT ทั้งรัฐฯ, เอกชนกลับมา หลัง COVID-19 ดีขึ้น และส่วนใหญ่เป็นการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐาน 5G ซึ่ง INSET เชี่ยวชาญคือ งานเสา ไฟเบอร์ และ Data Center โดยอยู่ระหว่างประมูลหลายงาน ซึ่งจะต่อยอดงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) สิ้นไตรมาส 1/63 ที่ 2 พันล้านบาท ซึ่งจะหนุนในช่วงครึ่งปีหลัง ชดเชยผลกระทบ COVID-19 ต่อการส่งมอบงานในไตรมาส 2/63 และช่วยต่อยอดการเติบโตในระยะกลาง-ยาว
ฝ่ายวิจัยยังคงสมมติฐานรายได้ปี 2563 ที่ 1.4 พันล้านบาท โดยหากนับส่วนที่รับรู้แล้วในไตรมาส 1/63 ที่ 220 ล้านบาท Backlog ปัจจุบันที่รับรู้ช่วงที่เหลือของปี 500-600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือที่ต้องพึ่งงานใหม่อีกราว 600-700 ล้านบาท จากแนวโน้มการกลับมาเปิดประมูลงานดังกล่าว เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น ประกอบกับ สัดส่วนที่รับในปัจจุบันที่มีมารจิ้นสูงขึ้น จึงยังหนุนฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่ากำไรนี้จะเติบตามคาดการณ์ที่ 22%
ขณะที่นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) (INSET) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะบริษัทฯจะรับรู้รายได้ และส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้มาก ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป ประกอบกับการลงทุนจากลูกค้าจะเห็นภาพที่ชัดเจนในช่วงรอยต่อของไตรมาส 3-4 ตามงบประมาณของภาครัฐที่ทยอยออกมาแต่ละปี ประกอบกับช่วงต้นปีบริษัทฯได้งานการจำหน่ายเสา และสายสื่อสาร คาดจะส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้ในช่วงไตรมาส 3 จำนวนมาก
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานใหม่อีก 300 ล้านบาท ซึ่งยื่นเสนอราคาไปในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีโอกาสจะได้งานใหม่ค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทฯเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกันนี้จะพยายามรักษาระดับ Backlog สิ้นปี 2563 ให้อยู่ที่ระดับ 2 พันล้านบาท จากการประมูลงานใหม่เข้ามาในแต่ละไตรมาส