กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--เอ็ม บี เค
พลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นับวันยิ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วย
ภาวะโลกร้อนเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นวัตกรรมต่าง ๆ
ที่พัฒนาให้เป็นทางเลือกใหม่ในการผลิตพลังงานทดแทนจึงถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้น
และที่เห็นอย่างเด่นชัดคือ การใช้ระบบโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ที่นำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกมาทำลายบรรยากาศของโลก
อีกทั้งใช้แล้วไม่มีวันหมด ในประเทศไทยนั้นได้นำระบบนี้มาประยุกต์ใช้ ซึ่งจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้น
ๆ ว่าได้รับปริมาณแสงแดดมากหรือน้อยด้วยเช่นกัน ดังนั้นการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ทดแทนการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
จึงเป็นเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยตรง รวมทั้งสามารถทดแทนต้นทุนทางพลังงาน
และประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างยั่งยืน
เอ็ม บี เค
ได้นำนวัตกรรมการผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนด้วยระบบโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) มาใช้
ซึ่งเป็นการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานจากแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารต่าง ๆ ของธุรกิจในเครือ
เอ็ม บี เค โดยเมื่อสำรวจแล้วว่าพื้นที่ดาดฟ้าของแต่ละอาคารสามารถติดตั้งระบบได้
และคำนวณการรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ก็จะสามารถวางแผนผังของวงจรแผ่นรับความร้อนได้ทันที
ซึ่งลักษณะของแผ่นรับความร้อนนั้น หลายคนอาจจะคุ้นตากันมาบ้าง โดยจะเป็นแผ่นวงจรเชื่อมต่อ
ๆ กันหลายแผ่น เมื่อรับความร้อนจากแสงอาทิตย์มาแล้ว ก็จะแปลงความร้อนเข้าสู่ระบบเป็นพลังงานไฟฟ้า
เพื่อเชื่อมสู่กระแสไฟฟ้าหลักของแต่ละสถานที่ได้ทันที นอกจากนี้ ก่อนการติดตั้งยังสามารถคำนวณกระแสไฟฟ้าที่จะผลิตได้โดยประมาณ
เพื่อให้ทราบว่าจะได้กระแสไฟฟ้ามากน้อยเพียงใดอีกด้วย
การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในธุรกิจต่าง ๆ ของ เอ็ม
บี เค มีการวางแผน และแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 เฟส โดยแล้วเสร็จเฟสแรกที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์ เพลส
ซึ่งมีขนาดกำลังติดตั้งที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดประมาณปีละประมาณ 734,000
หน่วยต่อปี
สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 528,000 บาทต่อปี
และเฟส 2 เป็นโครงการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 ได้แก่ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์
ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 สนามกอล์ฟริเวอร์เดล กอล์ฟ
คลับ สนามกอล์ฟ บางกอกกอล์ฟ คลับ
และโรงแรมทินิดี โฮเทล แอท บางกอก กอล์ฟ คลับ ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 2 เฟส จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณปีละ 2,066,000 หน่วย
สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าโดยประมาณได้มากกว่า 2,454,000 บาทต่อปี
และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 695 ตันต่อปี สำหรับในเฟสที่ 3 จะเป็นแผนการศึกษาความเป็นไปได้
ที่จะติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปให้กับธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ เอ็ม บี เค ในปีต่อไป