กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
หลายคนคงจะได้ยินคำว่า “5G” บ่อยๆ ในช่วงนี้ เพราะผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในบ้านเราต่างพากันโหมโปรโมทเทคโนโลยีเครือข่ายการเชื่อมต่อแห่งอนาคตที่ว่านี้อย่างไม่หยุดหย่อน บ้างก็ว่านี่คือนวัตกรรมการเชื่อมต่อแห่งอนาคตที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราๆ ท่านๆ บ้างก็ว่านี่เป็นประสบการณ์ความเร็วของการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นที่ไหนมาก่อน แต่คำถามสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคอย่างเราก็คือ 5G จะเป็นประโยชน์กับการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ในชีวิตประจำวันของเราอย่างไร? ซึ่งต้องขอบอกตรงนี้เลยว่าเทคโนโลยีใหม่นี้มีประโยชน์กับความบันเทิงในชีวิตของคุณไม่น้อยเลยล่ะ
ถ้าให้มองภาพกว้างแบบคุณภาพชีวิตในระดับมหภาค การมาถึง 5G จะมีส่วนช่วยทำให้ระบบสาธารณูปโภคในบ้านเราชาญฉลาดยิ่งขึ้น เพราะว่าระบบการบริหารจัดการไฟฟ้า น้ำ หรือเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศต่างเชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งยังทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้คอนเซ็ปต์เรื่องมหานครอัจฉริยะหรือ “Smart City” ในไทยกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ภาคธุรกิจก็สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยที่มีต้นทุนลดลง แม้แต่ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน เทคโนโลยี 5G ก็มีส่วนช่วยให้ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น เพราะการเชื่อมต่ออันรวดเร็วทำให้ระบบต่างๆ ในโรงพยาบาลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังเปิดโอกาสให้คุณหมอสามารถวินิจฉัยโรคทางไกลเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อีกด้วย
สำหรับผู้บริโภคอย่างเรา จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดจาก 5G ก็คือความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในระดับที่เร็วจนไม่น่าเชื่อ โดย 5G สามารถทำความเร็วการดาวน์โหลดได้มากกว่า 1 GB ต่อวินาที และความเร็วการอัพโหลดสูงถึง 500 MB ต่อวินาที! หรือสรุปง่ายๆ คือเร็วกว่าเน็ต 4G ที่เราใช้กันในมือถือตอนนี้กว่า 20 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการโหลดแอปพลิเคชันที่หนักเครื่องแค่ไหนก็สามารถเสร็จสมบูรณ์ได้ก่อนมาม่าจะสุก (สามนาที…) ดูหนังคมชัดระดับ 4K ได้ไหลลื่น และเวลาใช้เล่นเกมออนไลน์ก็ไม่มีสะดุด โยนปัญหาเรื่องเน็ตกระตุกแล้วเล่นแพ้ทิ้งไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม การจะใช้เน็ต 5G ความเร็วขนาดนี้ก็จำเป็นต้องมีสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีแบรนด์มือถือรายใหญ่จำนวนไม่มากที่เริ่มออกผลิตภัณฑ์ที่รองรับเทคโนโลยีดังกล่าวมาให้ใช้กันได้แล้ว แต่สิ่งที่ต้องจับตามองคือราคาของมือถือ 5G ในตลาดตอนนี้ที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสูง สมาร์ทโฟน 5G บางยี่ห้อก็ไม่ได้รองรับการใช้งาน 5G บนคลื่นความถี่ของโอเปอเรเตอร์ในไทยครบทุกราย นอกจากนี้ยังมีเรื่องการระบายความร้อนและปัญหาเรื่องการกินแบตเตอรี่จากการใช้งาน 5G ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ที่ต้องระวัง สร้างความยุ่งยากในการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟน 5G สักเครื่องให้มากขึ้นไปอีก
แต่อีกไม่นานนี้ เราจะมีสมาร์ทโฟนราคาดี จาก HUAWEI แบรนด์ผู้นำเทคโนโลยี 5G ในระดับโลก ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้ใช้งานยุค 5G ต้องการกันแล้ว โดยหากมองจากจุดยืนที่ชัดเจนของ HUAWEI ที่ต้องการส่งมอบนวัตกรรม 5G ให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกคนในประเทศไทยและทั่วทุกมุมโลก ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจได้ว่าอีกไม่นาน HUAWEI คงจะเผยโฉมสมาร์ทโฟน 5G ในราคาจับต้องได้ (ไม่เกินหมื่นกลาง) อย่างตระกูล nova 7 ออกมาแน่ๆ เพื่อให้แฟนมือถือสายนวัตกรรมในบ้านเราสามารถลองใช้ 5G กันได้แบบไม่กระเป๋าฉีก ที่สำคัญคือสมาร์ทโฟน 5G ของ HUAWEI ทุกตัวยังรองรับการใช้งานบนทุกคลื่นความถี่ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นแบบ High Band, Mid Band และ Low Band ทำให้ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าของ AIS, TRUE หรือ DTAC ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายค่ายเพื่อใช้ 5G อีกทั้งยังมีอีโคซิสเต็ม 1+8+N ของหัวเว่ยและฟีเจอร์ HUAWEI Share ที่ช่วยให้สาวกหัวเว่ยสามารถแชร์ไฟล์ภาพ วิดีโอ หรือไฟล์งานหนักๆ ไปยังอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์หรือโน้ตบุ๊คเครื่องอื่นของหัวเว่ยได้แบบไม่ต้องเปลืองเน็ต 5G ด้วยซ้ำ เพียงแค่นำอุปกรณ์มาสัมผัสกันก็เป็นอันเรียบร้อย
สิ่งที่น่าสนใจต่อจากนี้ก็คือผลิตภัณฑ์ของ HUAWEI กับสมาร์ทโฟนราคาจับต้องได้อย่างตระกูล nova 7 จะมาช่วยเปิดประสบการณ์การใช้งาน 5G ให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้อย่างไร เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปเร็วๆ นี้