กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ไทยนั่งประธานถก 4 ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงประชุมคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง สมัยวิสามัญ เร่งขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้ยุทธศาสตร์ 10 ปี และแผนปฏิบัติการพัฒนาลุ่มน้ำโขงให้เป็นไปตามแผนแม้ได้รับผลกระทบจากโควิด – 19
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง สมัยวิสามัญ (The Special Session for the MRC Joint Committee -SSJC) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วม (JC Chair) ปี 2563 ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา ไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม ว่า ประเทศสมาชิกได้หารือร่วมกันใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การพิจารณาร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำโขงระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2564 – 2573) และการวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ.2564 - 2568) ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติระดับมนตรีและจัดหาแหล่งเงินในการดำเนินกิจกรรมต่อไป เพื่อให้ประเทศสมาชิกจัดทำแผนปฏิบัติการของแต่ละประเทศในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เกิดความยั่งยืนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรน้ำ การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการด้านภัยแล้งและน้ำท่วม โดยมีการวิเคราะห์แนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจควบคู่กันด้วย 2. เห็นชอบให้มีการปรับปรุง กิจกรรม แผนงานที่ยังค้างหรืออยู่ระหว่างการดำเนินงาน ตามแผนปฏิบัติงานประจำปี 2563 เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาลุ่มน้ำโขง จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการประชุมร่วมของกลุ่มประเทศสมาชิกที่ต้องเลื่อนออกไป ไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ซึ่งล้วนส่งผลต่อความล่าช้าในแผนงานโครงการ รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายใต้กรอบความร่วมมือ และกรอบระยะเวลาดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย
“จากการหารือกับกลุ่มประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ได้มีมติร่วมกันในการเร่งปรับแผนงานโครงการ โดยจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโครงการ และงบประมาณ เพื่อการดำเนินงานในปีนี้เกิดประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงมอบให้ MRCS เตรียมจัดทำแผนการดำเนินงานประจำปี ของปี 2564 ให้สอดคล้องกับงบประมาณดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจจะล่าช้าและส่งผลต่อการดำเนินการงานต่อเนื่องของปีนี้ด้วย” ดร.สมเกียรติ กล่าว
ส่วนประเด็นสุดท้าย คือ 3. พิจารณากระบวนการปรึกษาหารือของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ
หลวงพระบาง ของ สปป.ลาว ซึ่งขณะนี้ได้เสร็จสิ้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนของประเทศสมาชิกแล้ว ซึ่งคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCs) จะนำเข้าสู่การแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของประเทศสมาชิกประมาณปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหามาตรการในการป้องกันผลกระทบผ่านการวางแผนก่อสร้างและออกแบบรูปแบบของเขื่อนให้ชัดเจน โดยทั้งไทย เวียดนาม และกัมพูชา ในฐานะประเทศสมาชิกที่ใช้แม่น้ำโขงร่วมกัน เห็นตรงกันว่าก่อนเริ่มการก่อสร้าง ประเทศสมาชิกจะต้องมีข้อตกลงร่วมกัน (Joint Action Plan- JAP) ต่อไป สำหรับข้อเสนอ ของ สปป.ลาว ต่อการสร้างเขื่อนสะนะคาม ที่อยู่ห่างจากชายแดนไทย ราว 23 กิโลเมตร นั้น จะยังไม่เริ่มกระบวนการรับฟังความเห็น จนกว่าจะได้ข้อยุติของการสร้างเขื่อนหลวงพระบาง