เอสซีจีร่วมกับ ทช. เดินหน้าจัดการปัญหาขยะทะเลด้วยนวัตกรรมพร้อมส่งมอบ “ทุ่นกักขยะลอยน้ำ จาก HDPE-Bone” ให้กับ 7 จังหวัดชายฝั่งทะเล เนื่องในวันทะเลโลก

ข่าวทั่วไป Monday June 8, 2020 15:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--เอสซีจี วันทะเลโลก 8 มิถุนายน 2563: ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ส่งมอบ “นวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ จาก HDPE-Bone” หรือ SCG-DMCR Litter Trap Generation 2 ให้กับ 7 จังหวัดชายฝั่งทะเล เนื่องในวันทะเลโลก โดยพัฒนาและปรับปรุงจากรุ่นแรกด้วยการนำ HDPE-Bone ซึ่งผลิตจากพลาสติกเกรดพิเศษ HDPE มาใช้ทดแทนวัสดุเดิม ทำให้การจัดเก็บขยะลอยน้ำมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น อายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น และสามารถนำกลับมารีไซเคิลตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างเอสซีจี และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันขยะไหลลงสู่ทะเลด้วยนวัตกรรม ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานรับมอบนวัตกรรมฯ โดยมีโปรโม-โมรียา และ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ทูตผู้พิทักษ์ทะเลของเอสซีจี ร่วมรณรงค์การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อป้องกันขยะไหลลงสู่ทะเล นายเจริญชัย ประเทืองสุขศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด ในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า “ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเก็บขยะชายหาด ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และปลูกป่าชายเลน โดยปีที่ผ่านมา เอสซีจีได้ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาต้นแบบทุ่นกักขยะลอยน้ำ เพื่อลดปัญหาขยะทะเลด้วยนวัตกรรม ส่งเสริมให้ระบบนิเวศทางทะเลมีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน โดยได้ติดตั้งทุ่นดังกล่าวบริเวณปากแม่น้ำและลำคลองสาขาที่เชื่อมต่อกับทะเลกว่า 24 ชุด ในพี้นที่ 13 จังหวัด เพื่อป้องกันขยะจากแม่น้ำไหลลงสู่ทะเล ผลปรากฏว่าสามารถช่วยกักขยะได้กว่า 40 ตัน ซึ่งในปีนี้ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ยังคงเดินหน้าพัฒนาทุ่นกักขยะลอยน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยนำความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีด้านวัสดุพอลิเมอร์ ผสมผสานกับความสามารถด้านการออกแบบเชิงวิศวกรรมมาพัฒนา นวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ จาก HDPE-Bone หรือ SCG-DMCR Litter Trap Generation 2 ด้วยการนำ HDPE-Bone ซึ่งผลิตจากพลาสติกเกรดพิเศษ HDPE มาใช้ทดแทนวัสดุเดิม ทำให้ทุ่นฯ สามารถลอยน้ำได้ดีขึ้น จัดเก็บขยะลอยน้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ทนทานต่อรังสียูวี อายุการใช้งานยาวนาน และสามารถนำกลับมารีไซเคิลตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อีกด้วย และในวันทะเลโลกประจำปี 2563 นี้ เอสซีจีจึงได้ส่งมอบ “นวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ จาก HDPE-Bone” หรือ SCG-DMCR Litter Trap Generation 2 ให้กับ 7 จังหวัดชายฝั่งทะเล ได้แก่ ระยอง สมุทรปราการ เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา พังงา และกระบี่ เพื่อป้องกันขยะไหลสู่ทะเล” “อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาขยะบกไปพร้อม ๆ กันด้วย เนื่องจากขยะทะเลมีแหล่งกำเนิดจากกิจกรรมบนบกถึงร้อยละ 80 และไหลลงสู่ทะเลผ่านทางแม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากเราสามารถจัดการขยะได้ตั้งแต่ต้นทางก็จะช่วยลดปัญหาขยะทะเลลงได้อย่างมาก” นายเจริญชัยกล่าวเพิ่มเติม ด้าน เอรียา จุฑานุกาล หรือ โปรเม กล่าวว่า “เมในฐานะ “ทูตผู้พิทักษ์ทะเล - The Sea Saver” ของเอสซีจี ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่รักทะเลเช่นกัน ได้นำแนวคิด “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก” ตามแนวทาง SCG Circular way ของเอสซีจี มาปฏิบัติร่วมกับครอบครัว โดยเริ่มด้วยการกินอาหารให้หมด ไม่เหลือเป็นเศษอาหาร จากนั้นก็คัดแยกขยะ เพื่อให้สามารถนำไปเข้าสู่ระบบการจัดการได้อย่างเหมาะสม เพราะเมเชื่อว่าการจัดการขยะอย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้นทาง จะช่วยป้องกันขยะไหลลงสู่ท้องทะเล ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงวิถีชีวิตของชุมชนริมชายฝั่งด้วย” ขณะที่ โมรียา จุฑานุกาล หรือ โปรโม กล่าวเสริมว่า “ที่ผ่านมาในช่วงที่ทุกคนไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือท่องเที่ยว เราจะเห็นว่าธรรมชาติต่าง ๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดภายในระยะเวลาไม่นานนัก จึงทำให้โมกลับมาฉุกคิดได้ว่า กิจกรรมทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา แต่กลับส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณขยะจากการบริโภคของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะด้วยความจำเป็น แต่เราในฐานะผู้บริโภคจะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยลดขยะได้บ้าง โมในฐานะ “ทูตผู้พิทักษ์ทะเล - The Sea Saver” ของเอสซีจี จึงได้ปรับการใช้ชีวิตประจำวันให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เน้นเรื่องการใช้ซ้ำให้คุ้มค่ามากที่สุด ทิ้งขยะให้ถูกที่ถูกทาง ซึ่งเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ โมเชื่อว่า ถ้าเราทุกคนร่วมกันทำ ก็จะสามารถช่วยทำให้ท้องทะเลไทยกลับมาสวยงามและอุดมสมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน” นายพิเชษฐ์ ตั้งปัญญารัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด ในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า “งานวันทะเลโลกในปีนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการจัดงานเดียวพร้อมกันถึง 8 จังหวัดผ่านสื่อดิจิทัล ทำให้เราได้เห็นความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการส่งเสริมรักษาทรัพยากรทางทะเลของไทย สำหรับในพื้นที่จังหวัดระยอง ทางธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ดำเนินโครงการเพื่อดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น โครงการบ้านปลาเอสซีจี การเก็บขยะชายหาด ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และปลูกป่าชายเลน รวมทั้งได้ติดตั้งทุ่นกักขยะลอยน้ำชุดแรกบริเวณสะพานสวนสาธารณะโขดปอ สามารถกักขยะได้กว่า 2,500 กิโลกรัม โดยในปีนี้ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจีได้นำ นวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำจาก HDPE-Bone หรือ SCG-DMCR Litter Trap Generation 2 มาส่งมอบให้กับพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีพิธีมอบพร้อม ๆ กับอีก 6 จังหวัดชายฝั่งที่ร่วมงานวันทะเลโลกในปีนี้ เพื่อช่วยดูแลท้องทะเลไทยให้สวยสะอาดปราศจากขยะ พร้อมทั้งร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศทางทะเล” ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เปรียบเสมือน “The Sea Saver ผู้พิทักษ์ทะเล” โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ดูแลและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางในครัวเรือนเพื่อลดขยะในทะเล การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) กิจกรรมจิตอาสาเก็บขยะชายหาด พร้อมกับการฟื้นฟูเพื่อสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ อาทิ โครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ โครงการธนาคารปู โครงการจัดสร้างปะการังเทียม รวมไปถึงการบูรณาการสร้างสรรค์นำขยะพลาสติกจากแหล่งชุมชนมาคัดแยกเพื่อสร้างเป็น “บ้านปลารีไซเคิล” รวมทั้งร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พัฒนานวัตกรรมทุ่นกักขยะ หรือ SCG-DMCR Litter Trap ติดตั้งบริเวณปากแม่น้ำเพื่อดักและกักเก็บขยะไม่ให้หลุดลอยไปในทะเล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ