สยามโกลบอลเฮ้าส์ จับมือ มูลนิธิเอสซีจี สนับสนุน “นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง” ให้โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 9, 2020 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--เอสซีจี บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกันสนับสนุน “ห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) และห้องน้ำสำเร็จรูป” ที่พัฒนาโดยเอสซีจี เพื่อเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงดังกล่าว มีการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้ในเวลารวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งผู้ที่มาใช้บริการ โดยมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในงานรับมอบ พร้อมด้วย นายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ดร.นายแพทย์พิทักษ์พงศ์ พายุหะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และนายบรรณ เกษมทรัพย์ Head of SCG Home Retail and Distribution Business เอสซีจี ร่วมในพิธี นายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากการที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดได้รับการสนับสนุนห้องตรวจหาเชื้อและคัดก รองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) จากบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเอสซีจี นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและขอบคุณยิ่ง ที่ทั้งสององค์กรได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นด่านหน้าในการดูแลผู้ป่วย ทำให้โรงพยาบาลมีห้องตรวจเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงที่ได้มาตรฐานมาตรฐานสากล มีความปลอดภัย ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้มีการต่อยอดพัฒนาห้องคัดกรอง และห้องตรวจให้เหมาะกับการใช้งานและการบริการผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ โดยได้ปรับสถานที่ให้บริการเป็นแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว หรือ One Stop Service กล่าวคือ เป็นจุดลงทะเบียน สอบถามประวัติ พบคุณหมอเพื่อตรวจสอบอาการ ทำการตรวจหาเชื้อ และรับยา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่จุดบริการอยู่ในพื้นที่ที่จัดแยกเป็นสัดส่วนออกจากอาคารหลักจึงไม่ไปปะปนกับผู้ป่วยอื่น จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ สำหรับการได้รับการสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยในการเตรียมความพร้อม หากเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง หรือเมื่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ผ่อนคลายลง จะสามารถใช้ห้องตรวจนี้สำหรับการตรวจผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ได้แก่ ไข้หวัด และวัณโรคปอด ที่มีผู้มาตรวจรักษาเฉลี่ยถึงปีละกว่า 9,700 คนอีกด้วย สำหรับโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลระดับ A ขนาด 820 เตียง มีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 คน สำหรับห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้มีความเสี่ยงได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย และพร้อมเปิดให้ บริการผู้ป่วยที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือจมูกไม่ได้กลิ่น โดยตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าตึกมหาวีโร ถนนริมคลอง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อให้ผู้ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงไม่ต้องเข้าไปปะปนกับผู้มาใช้บริการด้านใน เปิดให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงแรก และการเตรียมพร้อมรับมือถ้าหากเกิดการระบาดระลอกถัดมา สิ่งที่โรงพยาบาลต้องพบเจอเป็นด่านแรก คือ การตรวจและคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจากผู้ป่วยทั่วไปก่อนนำไปรักษา และในช่วงที่ผ่านมามีผู้มีอาการเข้ามาตรวจคัดกรองโรคอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่บริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ มีคู่ค้าและพนักงานที่ทำงานร่วมกันเป็นคนในจังหวัดร้อยเอ็ด และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เราได้เล็งเห็นว่า โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีภารกิจสำคัญยิ่งในการดูแลผู้ป่วยทั้งในจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังมีความต้องการการสนับสนุนด้านความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่มาใช้บริการ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเอสซีจี จึงร่วมกันสนับสนุนนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 “ห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) และห้องน้ำสำเร็จรูป” ให้กับโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อช่วยปกป้องแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่และผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณมูลค่ากว่า 3.9 ล้านบาท นายบรรณ เกษมทรัพย์ Head of SCG Home Retail and Distribution Business เอสซีจี กล่าวเพิ่มเติมว่า นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจ พร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรค (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงาน ที่มีการควบคุมคุณภาพ และความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงการติดเชื้อสำหรับทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่มารับบริการ ได้ทราบผลที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ