![เอ็นไอเอ ร่วมทีเซลส์ และเครือโรงพยาบาลพญาไท – เปาโล ลุยเดินหน้าระบบ “ฐานข้อมูลผู้ป่วย - นวัตกรรมเฮลธ์แคร์” ย่านโยธี]()
กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
เอ็นไอเอ ร่วมทีเซลส์ และเครือ
โรงพยาบาลพญาไท – เปาโล
ลุยเดินหน้าระบบ “ฐาน
ข้อมูลผู้ป่วย -
นวัตกรรมเฮลธ์แคร์” ย่านโยธี ตั้งเป้าสู่ย่านการแพทย์เบอร์หนึ่งของเซาท์อีสท์
เอเชีย
- ครั้งแรก!! เอ็นไอเอ ร่วมรพ.เอกชน ส่งต่อ
นวัตกรรม – บุคลากรชั้นนำสู่ย่านการแพทย์โยธี พร้อมปักธงโรงพยาบาลเชื่อมฐาน
ข้อมูล หวังรักษาผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น
NIAร่วมมือกับTCELS และรพ.ในเครือพญาไท-เปาโลยกระดับ
นวัตกรรมย่านการแพทย์โยธีให้เป็นศูนย์การแพทย์ที่ดีที่สุดใน
เอเชียอาคเนย์
#nia #yothi #innovation #ย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี #สำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ #JCCOTH
สำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS และโรงพยาบาลในเครือพญาไท-เปาโล ขับเคลื่อนแผนพัฒนาย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี (Yothi Medical Innovation district : YMID) ตั้งเป้ายกระดับย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธีให้เป็นย่านการแพทย์ที่ดีที่สุดใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้น 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การส่งเสริมให้เกิดศักยภาพการให้บริการที่มี
นวัตกรรมของโรงพยาบาลในย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี 2) การร่วมกันพัฒนา DeepTech Startup ด้านชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ 3) การร่วมสร้างองค์กร
นวัตกรรม และ 4) การร่วมมือพัฒนาย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี นอกจากนี้ ทีเซลส์ยังจะมีการสนับสนุนการทำบิ๊กดาต้า เกี่ยวกับ
ข้อมูลเกี่ยวกับระบบการแพทย์
ข้อมูลการแพ้ยา และ
ข้อมูลสุขภาพ เพื่อช่วยให้การรักษาผู้ป่วยทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ทางด้านเครือ
โรงพยาบาลพญาไท-เปาโล จะนำองค์ความรู้และความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ บุคลากรชั้นนำมาช่วยสนับสนุนงานวิจัย และพัฒนา
นวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ที่สามารถขยายผลสู่เชิงพาณิชย์
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “NIA ได้ลงนามความร่วมมือกับ TCELS และ เครือ
โรงพยาบาลพญาไท - เปาโล เพื่อยกระดับย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี ให้เป็นย่าน
นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ดีที่สุดใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีโรงพยาบาลในเครือเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาย่าน
นวัตกรรมโยธี ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนางานวิจัยและ
นวัตกรรมการแพทย์ การคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับความรู้ความสามารถของบุคลากร ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการวิจัยและผลักดันให้เกิด
นวัตกรรมทางการแพทย์และสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน ซึ่งนับเป็นการวางรากฐานและสร้างต้นแบบการพัฒนา
นวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยให้มีศักยภาพที่เข้มแข็งทัดเทียมกับการแข่งขันระดับโลก โดยจะมุ่งเน้นความร่วมมือใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่
- การส่งเสริมให้เกิดศักยภาพการในการบริการที่มี
นวัตกรรมของโรงพยาบาลภายในย่านโยธีจากความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งด้านการวิจัย และการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเพื่อให้เกิดการพัฒนา
นวัตกรรมด้านสุขภาพที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
- การร่วมกันพัฒนา DeepTech Startup ทางด้านชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ
ข้อมูล(DATA) ซึ่งทั้งปัจจุบันและในอนาคต
นวัตกรรมเหล่านี้จะเป็นที่ต้องการอย่างมากในวงการการแพทย์
- การร่วมสร้างองค์กร
นวัตกรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้าง
นวัตกรรมเพื่อสังคมผ่านการดึงเอาสตาร์ทอัพ กลุ่มวิจัยต่าง ๆ เข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างให้ย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธีเป็นย่าน
นวัตกรรมที่ดีที่สุดใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- การร่วมมือพัฒนาย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี ด้วยการผลักดันให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพ นักวิจัย รวมถึงธุรกิจเอกชน ซึ่งจะช่วยให้มีการเรียนรูปแบบการทำงาน รูปแบบธุรกิจ (Business Model) และแนวคิดต่าง ๆ ระหว่างกัน ส่งผลให้การทำงานเกิดการนำสิ่งแปลกใหม่มาประยุกต์ และเกิดเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับแผนการดำเนินงานพัฒนาย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธีแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะ 5 ปีแรก จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา
นวัตกรรมและการวิจัยที่มีศักยภาพสูง สอดคล้องกับมาตรการและนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ ระยะ 10 ปี จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเชิงกายภาพให้กับพื้นที่เพื่อส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และทดลอง
นวัตกรรม และการสร้างโครงข่ายสัญจรเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานภายในพื้นที่อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ และระยะ 20 ปี จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเชิงกายภาพรองรับและสนับสนุน ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุป
ด้าน ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กล่าวว่า สิ่งที่อยากเห็นหลังจากการร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานคือ การเชื่อมโยง
ข้อมูลของโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนในย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี และการรวบรวม
ข้อมูลในด้านการรักษาสุขภาพ (Health Care ) ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดการ
ข้อมูลเกี่ยวกับระบบการแพทย์ เช่น
ข้อมูลการแพ้ยา หรือ
ข้อมูลสุขภาพต่างๆ เพื่อช่วยให้การรักษาผู้ป่วยทำได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการพัฒนา
นวัตกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของผู้ใช้งาน ซึ่งในอนาคต
นวัตกรรมด้านสุขภาพจะมีบทบาท และมีแนวโน้มการเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ทีเซลส์พร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดการพัฒนา
นวัตกรรมทางการแพทย์ในย่านโยธีให้มีประสิทธิภาพ และเป็นพื้นที่ที่ครบครันสำหรับให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการวิจัยใหม่ ๆ เพื่อสร้างความรู้และ
นวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยหุ่นยนต์ทางการแพทย์ การพัฒนาระบบ AI ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพรยาแผนโบราณ รวมถึงงานวิจัยและพัฒนาทางด้านการแพทย์แม่นยำบนฐานของรหัสพันธุกรรมมนุษย์ หรือ Genomics ทั้งนี้ เชื่อว่าหากภาคเอกชนมีความเข้มแข็งก็จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมการแพทย์ในประเทศเติบโตและยั่งยืน และส่งต่อสิ่งดี ๆ สู่ผู้บริโภคในลำดับต่อไป
ด้านนายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือ
โรงพยาบาลพญาไท-เปาโล กล่าว่า ขณะนี้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติถึงคุณภาพการจัดการด้านสาธารณสุขและการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน และมีข้อได้เปรียบจากอัตราค่าบริการรักษาพยาบาลเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานยังถือว่าถูกกว่าประเทศอื่นมาก อีกทั้งภาครัฐยังมีนโยบายสนับสนุนการเติบโตของการแพทย์ไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ จึงทำให้ผู้ป่วยชาวต่างชาตินิยมเดินทางมารักษาตัวในประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างของทั้ง 3 ภาคีนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่สถาบันและหน่วยงานทางการแพทย์และสุขภาพของภาคเอกชนและภาครัฐจะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนวงการแพทย์และสุขภาพ ภายใน“ย่าน
นวัตกรรมการแพทย์โยธี” ให้เป็นพื้นที่
นวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่สู่การเป็นศูนย์กลางการรักษาและการพัฒนา
นวัตกรรมสุขภาพต้นแบบของประเทศ และเป็นพื้นที่
นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต โดยเครือ
โรงพยาบาลพญาไท-เปาโล จะมีบทบาทสำคัญในการเตรียมนำองค์ความรู้และความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ บุคลากรชั้นนำ เพื่อพัฒนาและสนับสนุนนักวิจัย และยกระดับขีดความสามารถบุคลากรสู่ความเป็นนวัตกรชั้นนำทางด้านพัฒนา
นวัตกรรมสมัยใหม่ที่สามารถขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ได้ โดยเตรียมสร้างหลักสูตรในเรื่องของ Medical Knowledge เพื่อพัฒนาและผลิตนวัตกรคุณภาพสู่วงการแพทย์ไทย ที่มีศักยภาพการแข่งขันรองรับการก้าวสู่การเป็นผู้นำทางการแพทย์และสุขภาพของประเทศไทยในอนาคต
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถาม
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 เว็บไซต์ www.nia.or.th และ facebook.com/NIAThailand