![“รมช.ประภัตร” ลุยเมืองจันท์ แก้ปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ช่วยชาวสวน]()
กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นาย
ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.จันทบุรี โดยมี นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการ
จังหวัดจันทบุรี ให้การต้อนรับ และนาย
อำพันธุ์ เวฬุตันติ ผู้ตรวจราชการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 8 นาย
อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดี
กรมส่งเสริมการเกษตร หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพลังงาน กรมชลประทาน องค์การบริหารส่วนตำบล ตลอดจนตัวแทนเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เข้าร่วมประชุม ณ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านบางจะอ้าย หมู่ 7 ตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและเร่งรัดให้ความช่วยเหลือการสนับสนุนท่อส่งน้ำและพิจารณางบประมาณในการปรับเปลี่ยนท่อส่งน้ำ โดยได้รับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำดิบบ้านบางจะอ้าย คลองขวาง ทุ่งตะโหนด ภายหลังจากชาวบ้านได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการ
จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 โดยประสบปัญหาเนื่องจากท่อส่งน้ำดังกล่าวผ่านการใช้งานต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการชำรุดเสียหายบ่อยครั้ง ส่งผลให้เกษตรกรเกิดความเดือดร้อนในพื้นที่กว่า 50 ครัวเรือน หรือคิดเป็นพื้นที่ 5,500 ไร่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งเข้าช่วยเหลือให้มีน้ำใช้ในการเกษตรกรตลอดทั้งปี
นายประภัตร กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลนำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก
รัฐมนตรีฯ มีความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร และได้เน้นย้ำในการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำโดยในช่วงนี้เกิดฝนตกทำให้มีน้ำมาก แต่ชาวบ้าน จ.จันทบุรี ไม่มีพื้นที่เก็บกัก โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งได้รับผลกระทบหนัก จึงประชุมหารือร่วมกัน โดยมอบแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่หาแหล่งเก็บกักน้ำ นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหาสถานีสูบน้ำบางจะอ้าย ต.มะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี นั้นได้มอบแนวทางให้วางระบบท่อส่งน้ำที่มีอยู่แล้วแต่เสียหาย ให้ปรับปรุงและเพิ่มระยะทางท่อส่งน้ำจากเดิม 13 กิโลเมตร เป็น 20 กิผดลเมตร โดยสูบน้ำมาจากแม่น้ำจันทบุรี ซึ่งพรุ่งนี้ ผู้ว่าราชการ
จังหวัดจันทบุรี ได้เตรียมประชุมคณะกรรมการบูรณาการระดับจังหวัด โดยจะนำโครงการดังกล่าว เสนอคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ ภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 400,000 ล้านบาท ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือชาวบ้านในการร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับเกษตรกรชาวสวน เนื่องจากพื้นที่ใน
จังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ที่ดินมีราคาแพง ทำให้ลำบากต่อการขุดบ่อ หรืออ่างเก็บน้ำ ซึ่งรัฐบาลยินดีเข้ามาช่วย เบื้องต้น ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์สนับสนุนให้ความช่วยเหลือชาวสวน โดยใช้พื้นที่ของกรมขุดเก็บกักน้ำให้ชาวสวนด้วย สำหรับปัญหาด้านราคาผลไม้ ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ มังคุด และลองกอง ได้สั่งการให้
กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งกระจายผลไม้ออกสู่ภาคกลาง และภาคอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด
ด้านนาย
อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดี
กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.จันทบุรี เป็นแหล่งผลิตทุเรียนแหล่งใหญ่ของประเทศไทย มีพื้นที่ปลูก 238,932 ไร่ มีเนื้อที่ให้ผล 195,936 ไร่ คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตรวม 417,344 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 78,082 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.00 เนื่องจากมีเนื้อที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และมีปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงขึ้น ปัจจุบันไม้ผล 3 ชนิดของภาคตะวันออกคือทุเรียน มังคุด และลำไย ทำรายได้เข้าประเทศปีละกว่าแสนล้านบาทและสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกรชาวสวน ดังนั้นไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหาการส่งออกจากการที่โรงคัดบรรจุไม่มี GMP และแปลงผลิตพืชไม่มี GAP โดยคาดว่าปี 2563 นี้ ไทยสามารถส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนประมาณ 600,000 ตันเพิ่มจากปี 2562 ที่ส่งออกได้ กว่า580,000 ตันเท่านั้น เนื่องจากมีพื้นที่ทุเรียนที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น