กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--ปอร์เช่ ประเทศไทย
สตุ๊ทการ์ท. เพื่อการขยายผลอย่างต่อเนื่องจากความสำเร็จในช่วงเริ่มต้นของโครงการ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติ เยอรมัน ที่มีฐานการผลิตตั้งอยู่ใน Zuffenhausen พร้อมเดินหน้าโครงการ Porsche Impact โดยมีวัตถุประสงค์ในการ ลดมลภาวะจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในระยะแรกซึ่งดำเนินงานไปแล้วในประเทศเยอรมนี, สหราชอาณาจักร, โปแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ขณะนี้ขยายพื้นที่การให้บริการครอบคลุมเพิ่มขึ้นในอีก 15 ประเทศ อันประกอบด้วย จีน, แคนาดา, สิงคโปร์, บรูไน, กัมพูชา, เฟรนช์ โพลินีเซีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, นิว คาลิโดเนีย, นิวซีแลนด์, ศรีลังกา, ไทย, เวียดนาม, มองโกเลีย และฟิลิปปินส์
จากการประมวลผลแบบออนไลน์ ลูกค้าผู้ขับขี่รถยนต์ปอร์เช่สามารถตรวจสอบร่องรอยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากรถสปอร์ตที่อยู่ภายใต้การครอบครองรวมทั้งรับทราบผลคำนวณมูลค่าทางการเงินที่เกิดขึ้นจากโครงการ ลดมลภาวะดังกล่าว ระหว่างการดำเนินการช่วงทดสอบมีขึ้นในเดือน ธันวาคม 2018 จนถึง เมษายน 2020 โดยสามารถ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้เป็นปริมาณกว่า 45,000 ตัน นอกจากนี้ปอร์เช่ยังอาศัยโอกาสอันดี ในเชิงของการส่งเสริมการรักษาสภาพแวดล้อมริเริ่มขั้นตอนการพัฒนาเพื่อรองรับกลยุทธ์ Porsche Digital ให้เป็น บรรทัดฐานเดียวกันทั่วทั้งองค์กร โดยนับตั้งแต่สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2018 เป็นต้นมา Porsche AG คือองค์กรที่ปฏิบัติ งานโดยปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยสิ้นเชิง นี่คือหนึ่งในโครงการแนวร่วมที่เกิดขึ้นเคียงข้างกับ Porsche Impact ซึ่งถือเป็นการแสดงเจตจำนงค์อันชัดเจนของบริษัทถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญต่อการ ลดมลภาวะจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
“ปอร์เช่มีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ข้างต้นคือคำยืนยัน จาก Albrecht Reimold สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงาน Production and Logistics ของ Porsche AG “เราทุกคนล้วนให้คำมั่นสัญญาโดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ตามข้อตกลง Paris Climate Agreement และ ยังรวมถึงการลดมลภาวะต่างๆ ที่เกิดจากเราอย่างต่อเนื่องอีกด้วยวิสัยทัศน์ของเราคือ การเป็น โรงงานที่จะไม่สร้างผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราพิจารณากระบวนการผลิตรถยนต์ของเราในทุกขั้นตอน ทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนอายุขัยของผลิตภัณฑ์ผ่านโครงการ Porsche Impact เราสามารถส่งมอบโอกาสที่ดีไปยังลูกค้า ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดมลภาวะจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ”
กระจายเงินทุนสนับสนุนไปยังโครงการทั่วโลก
ส่วนสำคัญของโครงการ Porsche Impact คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกสนับสนุนโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผ่านการรับรองในระดับนานาชาติได้หลายโครงการไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นอนุรักษ์ผืนป่าในประเทศสหรัฐอเมริกาการ รักษาความยั่งยืนของระบบนิเวศวิทยาในประเทศซิมบับเวย์และโครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากน้ำและพลังงานลม ในเวียดนามและจีน รวมถึงโครงการคุ้มครองป่าไม้ประจำถิ่นในประเทศแคนาดาและออสเตรเลีย
ปริมาณการสนับสนุนขึ้นอยู่กับอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงเฉลี่ย, ระยะทางการใช้งานรถยนต์ในแต่ละปีและโครงการที่ลูกค้า มีความประสงค์ที่จะสนับสนุนตัวอย่างเช่น จำนวนเงินทุนสนับสนุนที่ได้จากรถยนต์ปอร์เช่หนึ่งคันที่ใช้งานเป็นระยะทาง 15,000 กิโลเมตร โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.3 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 12 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรจะอยู่ระหว่าง 46 ถึง 104 ยูโร ต่อปี
ริเริ่มแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เคียงข้างการบริหารห่วงโซ่อุปทาน
การพัฒนาอย่างยั่งยืนคือ ศูนย์กลางแผนกลยุทธองค์กรของปอร์เช่ นอกจากการนำเสนอโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง Porsche Impact แล้วบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกรายนี้ยังสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในระหว่างการทำกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ด้วยวิธีการหลีกเลี่ยงและลดระดับการสร้าง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย โดยกระบวนการดังกล่าวจะได้รับการนำไปประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้ง ห่วงโซ่อุปทานตามหลักการและเป้าหมายของข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)
ตัวอย่างคือ การใช้ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากพลังงานสะอาดและก๊าซชีวมวลสำหรับเดินเครื่องกำเนิดความร้อนภายในโรงงาน หลักที่ Zuffenhausen แน่นอนว่าสายการผลิตรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ย่อมต้องปราศจาก การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ปอร์เช่ได้นำเอาระบบรางสินค้าที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมทั้งรถบรรทุก ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและก๊าซมาใช้ในระบบการขนส่ง
ติดตามภาพประกอบเนื้อข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com)
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี