กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--แสนสิริ
แสนสิริ ต่อยอดวิสัยทัศน์การสนับสนุน ให้ความสำคัญ และสร้างความเท่าเทียม กับกลุ่ม LGBTI ในช่วง Pride Month เดือนแห่งการรณรงค์ความเท่าเทียมทางเพศ ด้วย แคมเปญ Everyone Is Family แคมเปญที่ปรับมุมมองต่อคนรอบตัวให้เหมือนกับทุกคนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว นำร่องด้วยการออกนโยบายความเท่าเทียมในองค์กร รองรับสิทธิแก่พนักงานและคู่ค้า รวมถึงงานศิลปะ คอมมูนิตี้แลนด์มาร์คที่สร้างแรงบันดาลใจ และมีความหมายดีๆ พร้อมช่วยผลักดันร่วมกับธนาคารพันธมิตร เรื่องการขอสินเชื่อบ้านของชาว LGBTI และมอบข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ผ่อนให้ 24 เดือน
แสนสิริ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจไทย เป็นบริษัทแรกในไทยที่ได้ลงนามในข้อตกลง United Nations Global Standards of Conduct for Business หรือ มาตรฐานข้อปฏิบัติทางธุรกิจขององค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อลดการแบ่งแยก และความเหลื่อมล้ำในกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBTI ซึ่งย่อมาจาก Lesbian (หญิงรักหญิง) Gay (ชายรักชาย) Bisexual (คนรักสองเพศ) Transgender (คนข้ามเพศ) Intersex (อินเทอร์เซ็กส์หรือเพศกำกวม) แสนสิริมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ช่วยให้ทุกเพศทุกกลุ่มรู้สึกมีส่วนร่วมตามหลักความเท่าเทียมและความหลากหลายอันเป็นค่านิยมหลักที่แสนสิริยึดถือ สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของแสนสิริ Made for Everyone ที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่ต้นปีที่ผ่านมา
ผู้บริหารระดับสูงของแสนสิริ นำทัพโดย คุณอภิชาติ จูตระกูล (ประธานอำนวยการ) คุณเศรษฐา ทวีสิน (กรรมการผู้จัดการใหญ่) และคุณวันจักร์ บุรณศิริ (ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ) เข้าร่วมพิธีลงนามในข้อตกลง UN Standards of Conduct for Business ซึ่งจัดขึ้นที่ สิริแคมปัส (Siri Campus) สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของแสนสิริ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 77
ณ พิธีลงนามครั้งสำคัญนี้ คุณบาดาร์ ฟารุก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิทธิมนุษยชน แห่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (Office of the United Nations High Commissioner for Human Rights: OHCHR) ได้ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธี ซึ่งได้กล่าวว่า “เราอยากจะเห็นบริษัทเอกชนร่วมรับ UN Standards มากขึ้น เช่นเดียวกับที่แสนสิริทำ เพื่อที่จะปลูกสร้างการยอมรับในความหลากหลาย ความเคารพเพื่อนมนุษย์ และการสนับสนุนสิทธิ LGBTI ทั้งในที่ทำงาน ในการทำธุรกิจ รวมถึงในสังคมด้วย”
นอกจากนี้คุณเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (United Nations Development Programme: UNDP) ยังได้กล่าวไว้ว่า “ความปกติใหม่หลังวิกฤติโควิด-19 นั้นควรจะเปิดกว้างมากขึ้นกว่าเดิม และผมเห็นว่าแสนสิริได้แสดงให้เห็นอย่างเป็นที่ประจักษ์แล้วในวันนี้ ด้วยความมุ่งมั่นที่มีต่อ UN Standards ในเรื่องของสิทธิ LGBTI โดยทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติเองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เห็นแสนสิรินำ UN Standards มาใช้ และต่อการแสดงความเป็นผู้นำในครั้งนี้ เราหวังว่าจะสามารถจุดประกายให้หลายๆ บริษัทในไทยเดินตามเส้นทางการดำเนินธุรกิจนี้เช่นเดียวกับแสนสิริ”
เมื่อได้ลงนามในข้อตกลงในครั้งนี้เป็นผลให้แสนสิริได้เข้าร่วมกับกลุ่มบริษัทระดับโลกกว่า 200 บริษัท ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟต์ กูเกิ้ล โคคา-โคล่า เน็ตฟลิกซ์ และไนกี้ เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ต่างมีความตั้งใจร่วมกันที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่สังคม
UN Standards of Conduct for Business หรือ มาตรฐานข้อปฏิบัติทางธุรกิจขององค์การสหประชาชาติ (UN) นั้นเขียนขึ้นโดยสำนักงานของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (Offices of the United Nations High Commissioner for Human Rights - OHCHR) โดยมีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ 5 หลักการทางธุรกิจ ซึ่งแสนสิริได้ลงนามที่จะยึดมั่นเพื่อปรับใช้ในสถานที่ทำงาน การดำเนินการค้าขาย รวมถึงในชุมชน
เคารพสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBTI ในทุกการดำเนินการและความสัมพันธ์ทางธุรกิจขจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบที่มีต่อพนักงานที่เป็น LGBTI ในสถานที่ทำงานให้การสนับสนุนเชิงรุกแก่พนักงานที่เป็น LGBTI โดยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งช่วยให้พนักงานทุกท่านทำงานร่วมกันได้อย่างมีเกียรตbป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งอาจเกิดจากการกีดกันต่อลูกค้า คู่สัญญา คู่ค้า รวมถึงบุคคลอื่นๆผลักดันประเด็นเรื่องความเท่าเทียมอย่างเป็นสาธารณะ ซึ่งอาจรวมไปถึงการรณรงค์ในที่สาธารณะ สนับสนุนให้เกิดข้อตกลงการปฏิบัติร่วมกัน กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยในสังคม หรือการให้ความสนับสนุนทางการเงินหรือปัจจัยต่างๆ ต่อองค์กรที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTI
“แสนสิริ ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุน UN Standards of Conduct เพราะวัฒนธรรมองค์กรที่ดีควรจะเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและลดการกีดกันในสถานที่ทำงาน แสนสิริเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรได้รับสิทธิและโอกาสที่เท่าเทียมกัน นโยบายเสริมการยอมรับความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมนี้ คือการบอกว่าทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแสนสิริ เริ่มตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน แสนสิริต้องการคนที่เก่งแหละเหมาะสมที่สุดมาร่วมงานเราเสมอ ดังนั้นหากเราไม่พิจารณาคนที่มีความสามารถจากทุกๆ กลุ่มอย่างเท่าเทียมและไม่แบ่งแยกแล้ว เราก็จะไม่สามารถมอบโครงการและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราได้ แสนสิริจึงต้องการเปิดรับทุกๆ คนได้มีโอกาสแสดงความสามารถ เพื่อที่จะทำให้แสนสิริเป็นองค์กรที่ให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมได้อย่างแท้จริง” คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว
“ผมว่ามันคุ้มที่จะนำเอาความเท่าเทียมทางเพศและการไม่แบ่งแยกมาเป็นข้อปฏิบัติในทางมีผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่ทำงานใดที่ให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมนั้นจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าบริษัทที่ไม่ได้ทำตามข้อปฏิบัตินี้ เพราะจะสามารถดึงดูดลูกค้าที่ให้ความใส่ใจกับความเท่าเทียม รวมถึงยังดึงดูดพนักงานผู้มีความสามารถให้เข้าร่วมและอยู่กับบริษัทได้ยาวนานกว่า และไม่ว่าจะเป็นเพศวิถี (Sexuality) หรือเพศสภาพ (Gender) ใด พนักงานทุกคนต่างแสดงถึงความพอใจที่มีต่องานในบริษัททีทำตามข้อปฏิบัตินี้อีกด้วย”
“ที่แสนสิริ เราได้สร้างการป้องกันการแบ่งแยกทางเพศในที่ทำงาน โดยจะมีโปรแกรมฝึกอบรมในเรื่องของความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกให้กับพนักงานของบริษัท พนักงานระดับบริหาร รวมถึงพนักงานขายที่อยู่ในโครงการของแสนสิริอีกด้วย โดยการฝึกอบรมนี้จะพูดถึงโอกาสที่เท่าเทียมและข้อปฏิบัติเพื่อความไม่แบ่งแยก ซึ่งจะปรับใช้กับการทำธุรกรรมในทุกระดับกับลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญา และบุคคลอื่นๆด้วย”
การที่แสนสิริได้ลงนามและปฏิบัติตาม UN Standards of Conduct นั้น เป็นแนวคิดที่เข้ากันอย่างลงตัวกับปรัชญาหลักของการดำเนินธุรกิจของแสนสิริที่ว่า “Made for Life” ซึ่งขับเคลื่อนให้เกิดแคมเปญ Pride Month ซึ่งในปีนี้ ภายใต้แนวคิด “Made for Everyone…Everyone is Family” ซึ่งแคมเปญดังกล่าวจะย้ำถึงความเข้าใจ ความเท่าเทียมและความห่วงใย ที่ซึ่งแสนสิริอ้าแขนเปิดรับพนักงาน ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ และสมาชิกในชุมชนทุกๆ คน ราวกับว่าเป็นสมาชิกในครอบครั้งอย่างไรอย่างนั้น
แคมเปญรณรงค์ Pride Month ของแสนสิรินั้นมุ่งหมายในการสร้างการรับรู้ การยอมรับกลุ่ม LGBTI ในวงกว้าง ทั้งจากคอมมูนิตี้ และสังคมไทย ด้วยการนำเฉดสีรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของ Pride Month มาปรับใช้ในตราสัญลักษณ์ของแสนสิริ และบริษัทในเครือ รวมถึงสร้างกิจกรรมออนไลน์หลากหลายรูปแบบให้คนทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้
นอกจากนี้ ที่ Siri Campus สำนักงานใหญ่ของแสนสิริ รวมถึงในโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ของแสนสิริ (อาทิ The Line พหลฯ ประดิพัทธ์, คณาสิริ ราชพฤกษ์ 346, คาวะ เฮ้าส์) ก็จะมีการจัดแสดงงานศิลปะบนฝาผนังและกำแพง ซึ่งแสนสิริเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในแคมเปญนี้ โดยเพียงเข้ามาถ่ายภาพ และโพสต์ในโซเชียลมีเดีย และใช้แฮชเท็ก #SansiriPride
“Sansiri Backyard at T77 Community” คือคอมมูนิตี้สีเขียวสำหรับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยกระดับความเป็นอยู่ ในช่วงเดือนแห่งการรณรงค์เพื่อความเท่าเทียมนี้ ผู้เยี่ยมชมจะสามารถเก็บผักผลไม้สดในหลากหลายสีสันของสายรุ้งกลับไปฝากคนที่บ้านได้ ณ ทางเข้าสวน ก็จะมีงานศิลปะอินสตัลเลชั่นภายใต้แนวคิด “ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ” ด้วยการนำสายรุ้งที่นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ในเดือน Pride มาออกแบบแล้ว ยังสื่อสารถึงการมอบกำลังใจให้กับคนในคอมมูนิตี้ ที่เผชิญปัญหามากมายตั้งแต่ต้นปี ให้มีกำลังใจสู้ และมีความหวังอยู่เสมอ เสมือนกับสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้าหลังจากพายุโหมกระหน่ำ
สิริเฮ้าส์ ศูนย์รวมด้านไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมของแสนสิริในซอยสมคิด ยังได้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ผู้นำในโลกโซเชียลมีเดีย มาร่วมจัดหลากกิจกรรมออนไลน์และสร้างคอนเท้นต์ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Stay at Home' ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน
อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญที่สิริ แคมปัส ได้มีการออกแบบ และจัดสรรห้องน้ำที่ไม่ระบุเพศ (Gender Neutral Restroom) ไว้ที่ชั้น 1 ของทุกอาคาร เพื่อแสดงการไม่แบ่งแยก และเป็นพื้นที่ที่ปราศจากการกีดกั้น สร้างความสะดวกสบายใจให้กับผู้ใช้บริการกับทุกเพศทุกวัย
เหนือสิ่งอื่นใด เพื่อตอกย้ำนโยบายเสริมการยอมรับความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม แสนสิริยังพร้อมช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า LGBTI ที่ต้องการกู้ซื้อบ้านเพื่อสร้างครอบครัวร่วมกัน
ด้วยความร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรทั้ง 4 บริษัท ได้แก่ ไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ธนาคารออมสิน (GSB) และธนาคารยูโอบี (UOB) แสนสิริได้ดำเนินการความร่วมมือครั้งนี้เพื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านได้อย่างสะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ แสนสิริยังมอบข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ด้วยการช่วยผ่อนชำระในช่วง 24 เดือนแรก
“แสนสิริยังคงยืนหยัดเป็นแนวหน้าของการมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคนในครอบครัว ซึ่งประกอบไปด้วยพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และชุมชน ด้วยคุณภาพ การบริการ และความเคารพอย่างดีที่สุดเสมอ โดยการลงนามในสัญญา UN Standards of Conduct for Business ครั้งนี้ ถือเป็นปฏิญาณที่จะมอบการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและยุติธรรมให้กับทุกภาคส่วน ละเลิกการกีดกันและการล่วงละเมิดต่อคนในกลุ่ม LGBTI และเรายังคงยืนหยัดจะทำงานในทุกๆ วันเพื่อให้สังคมได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน” คุณเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย