กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--ไออาร์ พลัส
STC เสือคอนกรีตเมืองพัทยา ยิ้มแก้มปริ รับโปรเจ็กต์ภาครัฐหนุน มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค และงานก่อสร้างต่างๆ รวมถึง ความคืบหน้าโครงการ EEC แม่ทัพใหญ่ มองปี 2563 คึกคัก พร้อมรับงานใหม่ หลังปัจจุบันตุนออเดอร์ในมือแล้วราว 500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รุกงาน Landscape จับตาครึ่งปีหลังเป็นซีซั่นการส่งมอบงาน หนุนรายได้ปี 63 โต 10% ตามเป้า พร้อมย้ำ หุ้นแกร่งไม่กระทบโควิด-19
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC ผู้ผลิตคอนกรีตครบวงจรในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เปิดเผยถึง ภาพรวมอุตสาหกรรมคอนกรีตปี 2563 ในเมืองพัทยา และโซนภาคตะวันออก ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคในเมืองพัทยา และแผนขับเคลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐบาลและเอกชน โดยเฉพาะในปี 2563 เห็นสัญญาณการประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องแล้ว
อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมามีการล็อกดาวน์ในจังหวัดชลบุรี ในระยะเวลาสั้นๆ ราว 1 เดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 STC ไม่กระทบสถานการณ์ดังกล่าว จากแผนงานก่อสร้างโปรเจ็กต์ต่างๆ ของภาครัฐและภาคเอกชนไม่มีการเลื่อนวันส่งมอบ และดำเนินการก่อสร้างตามปกติ สนับสนุนให้มีความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูปและคอนกรีตผสมเสร็จของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และได้รับชดเชยจากวันทำงานเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ แต่เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน อาจทำให้การก่อสร้างชะลอตัวบ้าง ซึ่งเป็นช่วงปกติของทุกปี ทำให้มองว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2563 ยังอยู่ในเป้าหมายที่บริษัทฯ ประเมินไว้
รวมทั้ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อนำมาใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์เก่า ตอบสนองงานระบบ Landscape วางแผนจะเปิดตัวและทำการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ และคาดว่า ในช่วงไตรมาส 3 จะเริ่มทำยอดขายบางส่วนเข้ามาได้ มองเป็นโอกาสในการขยายไลน์สินค้าจากลูกค้าเดิม และเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ และไม่หยุดนิ่งในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทมาโดยตลอด เพื่อสนับสนุนให้มียอดขายและกำไรที่เติบโตขึ้น ขณะที่ ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ในมือที่รอส่งมอบราว 500 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทสาธารณูปโภคพื้นฐาน จ่อรอรับรู้รายได้ในปี 2563 เป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปี 2564 จึงมั่นใจเป้าหมายในปีนี้จะเป็นไปตามที่วางไว้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ 422 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงทยอยส่งมอบงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้งานโครงการแล้วเสร็จตามแผน ทำให้โรงงานใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ แผนการประมูลงานใหม่ๆ ตามนโยบายของภาครัฐบาลและภาคเอกชน เป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการเข้าไปรับคำสั่งซื้อ พร้อมขยายงานในพื้นที่จ.ชลบุรี และโซนภาคตะวันออก โดยเฉพาะงานระบบสาธารณูปโภคทั้งงานก่อสร้างถนน ขยายเส้นทาง รวมถึงงานนิคมอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องในการประมูลปีนี้และปีหน้า
“ในปี 2563 จะเป็นปีแห่งการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเริ่มตอกเสาเข็มการลงทุน ส่งผลให้มีงานโครงการออกมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดย STC มีความพร้อมรับโอกาสที่จะเกิดขึ้น โดดเด่นด้วยความครบวงจรของผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่มีมาตรฐาน และโรงงานคอนกรีตมีจำนวน 4 แห่ง อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ใจกลางเมืองพัทยา ทำให้บริษัทฯ ได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถควบคุมบริหารจัดการต้นทุนในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง บริษัทฯ ไม่ปิดโอกาสในการขยายงานในโซนภาคอื่นๆ จากดีมานด์บางส่วนที่เข้ามา” นายเอกชัย กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 1/2563 ทำนิวไฮรายไตรมาสได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 130.51 ล้านบาท เติบโต 21.27 % จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากงานที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นไปตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ขณะที่ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 38.02 ล้านบาท เติบโต 10.01% กำไรสุทธิอยู่ที่ 8.44 ล้านบาท ลดลง 5.38% โดยกำไรสุทธิที่ลดลงเนื่องจากบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าเสื่อมราคาโรงงานใหม่ และปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อเตรียมพร้อมขยายงานในอนาคต รวมถึงมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เริ่มมีผล ใช้ในงวดปัจจุบัน ส่งผลกระทบในการพิจารณาตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดว่าจะทยอยรับรู้หนี้สงสัยจะสูญกลับเข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ได้