![ฟอร์ดพร้อมปกป้องวัสดุภายในรถเพื่อให้คุณใช้เจลล้างมือได้อย่างสบายใจ]()
กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความนิยมใช้เจลล้างที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์พุ่งสูงขึ้นอย่างมากขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ
เอทานอลช่วยปกป้องคุณจากโรคโควิด-19 ได้ แต่ก็อาจทำให้วัสดุในรถเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ฟอร์ดช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่ารถยนต์จะคงความงามแม้เวลาผ่านไป ด้วยการทดสอบความทนทานของวัสดุต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ภายใต้สภาพแวดล้อมสุดโหดหลากหลายรูปแบบ
เพื่อปฎิบัติตามข้อแนะนำในการป้องกันโรคโควิด-19 การใช้ผลิตภัณฑ์
เจลล้างมือทันทีที่ขึ้นรถหลังจากทำธุระต่างๆ มาทั้งวัน จึงถือเป็นการดูแลสุขอนามัยที่ดีของผู้ใช้รถยนต์ แต่ส่วนประกอบบางอย่างของ
เจลล้างมืออาจทำลายพื้นผิววัสดุภายในรถได้ โดยเฉพาะสารเคมีอย่าง
เอทานอล แอลกอฮอล์ ที่อาจทำปฏิกิริยากับวัสดุต่างๆ ส่งผลให้วัสดุภายในห้องโดยสารเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากไม่มีการเคลือบสารป้องกันพิเศษเอาไว้
ความท้าทายหนึ่งที่วิศวกร
ฟอร์ดประสบทุกวัน คือการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บนวัสดุที่ใช้ในรถแต่ละคันอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงองค์ประกอบทางเคมีของสารเคลือบบนวัสดุภายในรถ
ฟอร์ดให้ดูดีตลอดอายุการใช้งาน การทดสอบนี้ยังนำไปใช้กับอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ต่างๆ ที่วางจำหน่ายภายในศูนย์บริการ
ฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นรองท้ายรถ และชิ้นส่วนที่ทำจากพลาสติก เป็นต้น
“เจลแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคนิยมใช้กันตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เราจึงนำเจลเหล่านี้มาทดสอบบนพื้นผิวภายในห้องโดยสารของรถ
ฟอร์ดมานานหลายปีแล้ว” มาร์ค มอนต์โกเมอรี วิศวกรอาวุโสด้านวัสดุ จากศูนย์เทคโนโลยีวัสดุ สถาบันเทคนิคดันตัน ของ
ฟอร์ด ยุโรป ในประเทศอังกฤษ กล่าว “แม้ผลิตภัณฑ์ที่ดูปลอดภัยยังอาจสร้างปัญหาเมื่อสัมผัสกับพื้นผิวภายในรถ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์อย่าง
เจลล้างมือ ครีมกันแดด และยาทากันแมลง มีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายได้แก่วัสดุภายในรถได้เช่นกัน”
ทั้งนี้ การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยกตัวอย่างเช่นในประเทศอิตาลี ยอดขาย
เจลล้างมือพุ่งสูงขึ้นถึง 18 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และยังมีการคาดการณ์ว่ายอดจำหน่าย
เจลล้างมือทั่วโลกในปี 2563 จะสูงขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2562
แม้ว่า
เจลล้างมือจะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่มือของผู้ขับขี่ และวัสดุภายในห้องโดยสารของรถ
ฟอร์ดจะทนทานต่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถทั้งคันจะปราศจากเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราจำเป็นต้องใช้รถร่วมกับผู้อื่น เจ้าของรถควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรถยนต์โดยเฉพาะในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารฟอกขาว ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และแอมโมเนีย เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถทำลายสารเคลือบกันแสงสะท้อนและสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือในรถได้
“บริเวณที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษในการทำความสะอาดคือจุดสัมผัสบ่อยเช่น พวงมาลัย ที่จับ เกียร์ ปุ่มหรือหน้าจอสัมผัส ก้านไฟเลี้ยวและที่ปัดน้ำฝน ที่พักแขน และที่ปรับเบาะ” เจนนี ดอดแมน หัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่การแพทย์
ฟอร์ด สหราชอาณาจักร กล่าว “นอกจากนี้ เข็มขัดนิรภัยยังควรอยู่ในลำดับต้นๆ ของการทำความสะอาด เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคจากการไอและจามได้”
ทีม
ฟอร์ดในเมืองดันตัน ประเทศอังกฤษ และเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ยังได้ทดสอบความทนทานต่อความร้อนของวัสดุภายในรถยนต์ที่อุณหภูมิสูงถึง 74 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดภายในห้องโดยสารหลังจอดรถอยู่กลางแดดริมทะเลในวันที่อากาศร้อนจัด นอกจากนี้ ยังมีการจำลองสถานการณ์เมื่อรถตากแดดจัดเป็นเวลานาน ด้วยการใช้แสงอัลตราไวโอเลตส่องรถทิ้งไว้ยาวนานถึง 1,152 ชั่วโมง หรือ 48 วัน
นอกจากนี้
ฟอร์ดยังทดสอบความทนทานของพลาสติกที่อุณหภูมิต่ำถึง -30 องศาเซลเซียส และเมื่อพลาสติกถึงจุดที่เปราะบางที่สุดก็โยนลูกบอลยางที่มีน้ำหนักมากลงไปซ้ำๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพลาสติกจะไม่แตกเสียหาย เจ้าของรถจึงมั่นใจได้ว่า รถยนต์
ฟอร์ดพร้อมที่จะลุยไปกับคุณในทุกสภาพแวดล้อมตลอดอายุการใช้งาน
ข้อมูลเกี่ยวกับ
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของบริษัท ได้แก่ การออกแบบ ผลิต ทำการตลาด และบริการหลังการขาย สำหรับรถยนต์ รถกระบะ รถเอสยูวี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในแบรนด์
ฟอร์ด และแบรนด์ลินคอล์น ซึ่งเป็นแบรนด์ในตลาดรถหรู รวมถึงให้บริการด้านการเงินผ่านบริษัท
ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต และบริษัทกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และแผนการสัญจรอัจฉริยะ
ฟอร์ดมีพนักงานรวมประมาณ 188,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ฟอร์ด ผลิตภัณฑ์ของ
ฟอร์ด และ
ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ www.corporate.ford.com