กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--sasi pr
นิวนอร์มัล – ชีวิตวิถีใหม่ ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผู้เชี่ยวชาญภาครัฐ - เอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าคาดการณ์ หลังวิกฤตโควิดจะเป็นโอกาสทองของกลุ่มยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า” ด้านบีโอไอ ลั่น พร้อมส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่องส่งผู้ประกอบการไทยสู่การพัฒนายั่งยืนตามเทรนด์ของโลก
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้จัดงาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK (ASE2020) งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมด้านพลังงานครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) จัดสัมมนาทางออนไลน์ ครั้งที่ 2 (ASE Webinar Series #2) ขึ้นในหัวข้อ “ผลกระทบของโรคระบาดโควิด-19 ต่อกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดในภูมิภาคเอเชีย” (Impact of Covid-19 Outbreak on Electric Vehicle Market in Asia) ระดมแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อการมุ่งสู่อนาคตของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนภายหลังการคลี่คลายของวิกฤตโควิด-19 ทั่วโลก
มร.อัลเลน ทอม อับราฮัม ผู้ช่วยบรรณาธิการ BloombergNEF ผู้นำด้านการนำเสนอข้อมูลทางการเงินของธุรกิจพลังงาน ได้นำเสนอผลการศึกษาถึงแนวโน้มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ภายหลังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ไว้อย่างน่าสนใจว่า การระบาดของโควิดได้ส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตามโควิด ไม่ได้ส่งผลในด้านลบเพียงอย่างเดียวต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะแม้ว่ายอดการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย จะลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นในบางตลาด เช่น เกาหลีใต้ อเมริกา และในทวีปยุโรปบางประเทศ ซึ่งจากการศึกษามองว่าโควิดจะส่งผลกระทบด้านลบในระยะสั้น ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทำให้ยอดขายลดลง แต่หากมองระยะยาว การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจะกลับเพิ่มขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ ไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยเรื่องการผันแปรของราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่เป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศที่ยังคงให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน และยังคงให้การอุดหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นอกจากนี้ผลจากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ในวันนี้ราคาแบตเตอรี่สำหรับใช้ขับเคลื่อนในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้ามีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง อนาคตก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของธุรกิจ ยานยนต์ไฟฟ้าในแต่ละประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าแบบ 2 ล้อ ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับเชิงพาณิชย์และยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อบริการสาธารณะ โดยผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าหลังจากปี 2563 ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด สัดส่วนการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกจะกลับมาเพิ่มขึ้น และจะมีสัดส่วนถึง 58% ในปี 2583 และสัดส่วนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในโลกก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกันเป็น 31% ในปี 2583 นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่าภูมิภาคที่จะมีการเติบโตของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างชัดเจน คือ อาเซียน โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์
นางสาวซ่อนกลิ่น พลอยมี ผู้อำนวยการกองพัฒนาและเชื่อมโยงการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวว่า แม้จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลไทยจะยังคงให้การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ได้สิทธิพิเศษทางภาษีได้สูงสุดถึง 8 ปี โดยปัจจุบันมีโครงการที่ขอเข้ามาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากับบีโอไอแล้ว กว่า 30 โครงการ โดยโครงการส่วนใหญ่ได้เดินหน้าแล้ว และมีทั้งที่จะเริ่มดำเนินการในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งยังคงเป้าหมายเดิมไว้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแผนไปจากเดิมแม้จะมีโควิด “ทั้งนี้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด บีโอไอก็ยังคงเดินหน้าให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายผ่านทางบริการออนไลน์ ซึ่งมีทั้งบริการจับคู่ธุรกิจ บริการสัมมนาและอบรมออนไลน์ ผ่านโครงการ BUILD E-Linkage Business Matching Online และยังคงยืนยันที่จะจัดงาน SUBCON Thailand งานแสดงอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและงานจับคู่ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง” นางสาวซ่อนกลิ่น กล่าว
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) แสดงทรรศนะไว้อย่างน่าติดตามว่า แม้โควิดจะส่งผลกระทบให้บางโรงงานผลิตต้องหยุดไปชั่วคราว แต่ผู้จำหน่าย ตัวแทน และศูนย์บริการของแต่ละแบรนด์ยังคงเปิดให้บริการในประเทศไทย และอีกไม่นานจากการที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ อุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งโรงงานผลิตรถยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าจะกลับมาเปิดอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จะมาแรงหลังวิกฤตโควิดครั้งนี้ เพราะแม้โควิดจะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง แต่คนได้เริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวสู่อนาคต ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องใส่ใจในเรื่องของอากาศ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น
รัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 250,000 คัน รถเมล์ไฟฟ้า 3,000 คันและจักรยานยนต์ไฟฟ้า 53,000 คันในปี 2568 โดยหากเป็นช่วงเวลาปกติคงได้เห็นการเดินหน้าของโครงการยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ แต่สถานการณ์โควิด-19 ได้ทำให้เกิดหยุดชะงักชั่วคราว เพื่อธุรกิจจะรักษาสภาพคล่องไว้ ซึ่งจากมุมมองของสมาคมฯ เราอาจเห็นความล่าช้าในการลงทุนโดยผู้ประกอบการไปบ้าง แต่สมาคมยังคงมองในแง่ดีว่าหากมีมาตรการในการสนับสนุนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหลังจากนี้ เพราะอย่างไรก็ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงดำเนินตามแผนในการลด CO2 Emission ลดฝุ่น PM 2.5 รวมไปถึงแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายในการลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกราว 20-25% จากระดับการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในกรณีปกติ ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าช่วยตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้ประกอบธุรกิจการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับเจรจาธุรกิจ ระดับนานาชาติกว่า 550 งานทั่วโลก ยังคงเล็งเห็นถึงความสำคัญกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 จึงเดินหน้าจัดกิจกรรม ASE Webinar Series นี้ขึ้น เพื่อสร้างความองค์ความรู้ และ ความมั่นใจให้กับภาคอุตสาหกรรมให้ยังคงจะเดินหน้าฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ โดยกิจกรรมเว็บบินาร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในงาน Electric Vehicle Asia (EV) และ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition (iEVTech 2020) ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกับงาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK 2020 (ASE 2020) งานแสดงนิทรรศการนานาชาติด้านพลังงานทดแทน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในอาเซียน ในวันพุธที่ 16 ถึงวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา