![ทิสโก้เวลธ์เปิดทริกเลือกประกันมะเร็ง รับมือความเสี่ยงค่ารักษาพุ่งตามนวัตกรรมทางการแพทย์]()
กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--
ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้เวลธ์ชี้ '
นวัตกรรมการแพทย์’ ของโลกก้าวไกล ช่วยรักษา
มะเร็งร้ายได้ผลดีขึ้น แต่ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่พุ่งสูงถึง 15 ล้านบาท แนะทำ
ประกันมะเร็งรับมือความเสี่ยง พร้อมเปิด 5 วิธีคัดสรรกรมธรรม์ให้คุ้มค่า ผู้หญิงควรซื้อก่อนอายุ 30 ปี ด้านผู้ชายซื้อก่อนอายุ 40 ปี
นาย
ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุน
ทิสโก้เวลธ์ ธนาคาร
ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า โรค
มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยมาตั้งแต่ปี 2542 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากสถาบัน
มะเร็งแห่งชาติ ปี 2562 พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรค
มะเร็ง วันละ 221 คน หรือ 80,665 คนต่อปี คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยชั่วโมงละ 9 คน และยังพบผู้ป่วยรายใหม่ถึงวันละ 336 คน หรือ 122,757 คนต่อปี ขณะที่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ในปี 2573 ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากโรค
มะเร็งสูงถึง 13 ล้านคน จากปี 2562 ที่มีการเสียชีวิตอยู่ที่ 9.6 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้ผู้ป่วยโรค
มะเร็งมีโอกาสรักษาหายได้มากกว่าในอดีต ยกตัวอย่าง การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดแบบเซลล์บำบัด Chimeric Antigen Receptor T cell (CAR T cell) ซึ่งเป็นการนำเอาเม็ดเลือดขาวออกมาเลี้ยงและดัดแปลงยีนส์ ก่อนฉีดกลับเข้าไปในคนไข้ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาผู้ป่วย
มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลันหรือ
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดบีเซลล์ที่มีการแสดงออกของ CD19 แต่ก็นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงมาก โดยข้อมูลจากบริษัทเวชภัณฑ์ยาอย่าง Novartis ตั้งสนนราคาขายยา Kymriah อยู่ที่ 475,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15 ล้านบาท (ราคาแปรผันตามอัตราแลกเปลี่ยน) นับเป็นเทคนิคการรักษาที่มีราคาแพงที่สุดวิธีหนึ่งของโลก หรือแม้แต่การรักษาด้วยวิธีปัจจุบันอย่างการผ่าตัด การใช้ยาเคมีบำบัด และการฉายรังสี จากประมาณการค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โดย Roche เมื่อปี 2556 พบว่า การรักษาโรค
มะเร็งระยะเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 2,897,000 บาท และระยะแพร่กระจายหรือระยะลุกลาม มีค่าใช้จ่ายรวมสูงถึง 4,172,000 บาท
จากค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค
มะเร็งที่สูงมากดังกล่าว อาจต้องแลกมาด้วยค่ารักษาที่ต้องใช้เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตและบางรายเงินที่เก็บมาอาจจะไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการรับมือกับโรคร้ายอย่าง “
ประกันมะเร็ง” มาช่วยรับความเสี่ยงแทน โดยหากพิจารณาให้ดีจะสามารถเลือก
ประกันในค่าเบี้ยเพียงหลักพันบาทแต่ให้ความคุ้มครองสูงถึงหลักล้านบาทได้ อีกทั้งค่าเบี้ย
ประกันมะเร็งยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ย
ประกันชีวิตแล้วสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. 2563) ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ซึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจทำ
ประกันมะเร็ง ประกอบด้วย
1.ความคุ้มครอง แบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ 1) ความคุ้มครองที่เป็นเงินก้อนที่จะได้รับเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรค
มะเร็ง และ 2) ความคุ้มครองที่เป็นวงเงินค่ารักษาพยาบาลจากโรค
มะเร็ง ปกติจะคุ้มครองตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด ซึ่งหากกรมธรรม์
ประกันมะเร็งที่เลือกนั้น มีทั้งความคุ้มครองที่เป็นเงินก้อนและวงเงินค่ารักษาพยาบาล จะยิ่งทำให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
2.ช่วงอายุการรับ
ประกันและการต่ออายุการรับ
ประกัน ควรพิจารณาเลือกกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาความคุ้มครองที่ยาวนาน จะได้ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงไว้เอง เช่น สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1-60 ปี และสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้ถึง 70 ปี
3.ลักษณะการคิดค่าเบี้ย
ประกันรายปี มี 2 รูปแบบ คือ ค่าเบี้ย
ประกันแบบคงที่และแบบปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ ถ้าเป็นค่าเบี้ย
ประกันแบบคงที่หากทำในตอนที่อายุยังน้อย ก็จะยิ่งคุ้มค่า เพราะค่าเบี้ย
ประกันก็จะยิ่งถูก
4.ข้อยกเว้นความคุ้มครอง เช่น กรมธรรม์จะไม่คุ้มครองหากเป็น
มะเร็งผิวหนัง เป็นต้น ซึ่งจำเป็นจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนกับความเสี่ยงของตัวเอง และควรพิจารณาระยะเวลารอคอยหรือระยะเวลาที่กรมธรรม์จะไม่คุ้มครองด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วระยะเวลารอคอยของ
ประกันมะเร็งจะอยู่ที่ 90 วัน
5.ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม เช่น ค่าตรวจวินิจฉัยซ้ำโรค
มะเร็ง ค่าเดินทางไปรักษาตัวสำหรับโรค
มะเร็ง ค่าชดเชยรายได้ เป็นต้น หากกรมธรรม์ที่กำลังพิจาณามีความคุ้มครองเหล่านี้เพิ่มเติม ก็จะยิ่งมีความคุ้มค่ามากขึ้น
“ข้อมูลในปี 2560 จากสถาบัน
มะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้หญิงช่วงอายุ 30-39 ปี มีจำนวนผู้ป่วย
มะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 223% ขณะที่ผู้ชายมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 195% และเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 40-49 ปี และจำนวนผู้ป่วยยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่า อายุที่ควรทำ
ประกันมะเร็งสำหรับผู้หญิงคือ ช่วงอายุก่อน 30 ปี และอายุที่ควรทำ
ประกันมะเร็งสำหรับผู้ชายคือ ช่วงอายุก่อน 40 ปี อย่างไรก็ตาม แม้จะอายุยังน้อยก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค
มะเร็งได้ จึงแนะนำให้ทำ
ประกันมะเร็งทันทีในขณะที่สุขภาพยังแข็งแรง เนื่องจากหากเกิดโรคร้ายแรงขึ้นก่อนทำ
ประกัน บริษัท
ประกันอาจจะพิจารณาไม่รับความคุ้มครองให้เราได้” นายณัฐกฤติกล่าว